LHFG  ครึ่งปีแรก 2567 กำไร 891 ล้านบาท เดินหน้ารุกสินเชื่อ SME และ Green Loan

0
32

นายฉี ชิง-ฟู่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank กล่าวถึงผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2567 LHFG ว่ามีกำไรสุทธิ 891 ล้านบาท ลดลง25.9% และกำไรจากการดำเนินงานก่อนผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 1,990 ล้านบาท ลดลง 19.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหลักๆ เป็นผลจากเงินปันผลลดลง เนื่องจากลดพอร์ตการลงทุน

โดย LHFG ยังคงให้ความสำคัญกับ Sustainable Banking มุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน เน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) จากการดำเนินงานของธุรกิจธนาคาร รวมถึงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อมและสินเชื่อเพื่อการปรับตัวสำหรับธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  ซึ่งปี 2567 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมมาภิบาล (ESG100) เป็นปีที่ 9 และอยู่ใน Universe ของกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 โดยสถาบันไทยพัฒน์

LH Bank รุกขยายสินเชื่อที่อยู่อาศัย

และขับเคลื่อนการเติบโตกลุ่มลูกค้า SMEs 

สำหรับ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ นายฉี ชิง-ฟู กล่าวว่ามีกำไรสุทธิ 846 ล้านบาท ลดลง 10.3% จากเงินปันผลที่ลดลง สินเชื่อเติบโต 8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อธุรกิจ และกลุ่มลูกค้าไต้หวัน และสินเชื่อกลุ่มลูกค้าไต้หวันเพิ่มขึ้น 31%  ผ่านเครือข่าย CTBC Bank ธนาคารเอกชนของไต้หวัน ผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มธุรกิจ และ Trade Finance  เติบโต 19%  โดย NPL อยู่ที่ 3% ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญอย่างระมัดระวังโดย NPL Coverage อยู่ในระดับสูงที่ 188% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม  

ด้านเงินฝาก ได้ขยายฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อยเพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผ่านช่องทาง Digital Banking และออกผลิตภัณฑ์เงินฝากต่างๆ เช่น เงินฝากบัญชีออมทรัพย์ดิจิทัล B-You Wealth ดอกเบี้ยสูงสุด 5.55% แคมเปญผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัล รับฟรี บัตรแรบบิท LH Bank Success Infinite Prestige Collection  แคมเปญผลิตภัณฑ์เงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) และผลิตภัณฑ์ LH Bank Health Care Saving รวมถึงบัญชีออมทรัพย์เพื่อธุรกิจอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได

สำหรับกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง ยังคงเน้นขยายตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย และขับเคลื่อนการเติบโตกลุ่มลูกค้า SMEs  โดยพัฒนาระบบ Corporate E-Banking และ Mobile Banking  รวมถึงปรับกระบวนการพิจารณาสินเชื่อให้รวดเร็ว และเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน (Sustainable Banking) นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยล่าสุดจับมือกับสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ “EEI” และอุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ “MASCI”  และบริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด “ABEAM” บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจชั้นนำระดับโลก   จัดโครงการเพื่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้ประกอบการ (Green Transition Advisory Loan) เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม SMEs ไทยให้ปรับตัวอย่างยั่งยืน

LH Fund พัฒนาระบบ Life Path 

รองรับลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพโตต่อเนื่อง

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fund กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรก 2567 บริษัทได้ปรับการบริหารกองทุน โดยเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับเปลี่ยนกองทุนหลัก ( Master Fund ) เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลการดำเนินงานที่ดีกว่าเดิม ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องโดยเฉพาะ REIT ประเภทโรงแรมและพื้นที่ค้าปลีก ได้แก่ LHHOTEL, LHSC และ QHHRREIT ที่ได้รับอานิสงค์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

โดยกลยุทธ์ในครึ่งปีหลัง ยังคงขยายฐานลูกค้ากองทุนส่วนบุคคล และลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการ รวมถึงให้ความสำคัญในด้าน ESG เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนให้กับกองทุนรวมและนักลงทุน สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงพัฒนาระบบ Life Path เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่สมาชิกกองทุนสามารถเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนได้แบบอัตโนมัติ

LH Securities  รุกบริการที่ปรึกษาทางการเงิน

พัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มลดต้นทุนช่วงตลาดผันผวน

นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Securities) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) 6 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 8.1% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 มาอยู่ที่ 1,300.96 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติยังขายต่อเนื่อง มียอดขายสุทธิ 115,983 ล้านบาท โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,238 ล้านบาท ลดลง 22.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยลบที่กดดันดัชนี เช่น ปัจจัยด้านการเมืองในประเทศและต่างประเทศ และท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่จะคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น

ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2567 มีรายได้รวม 158.8 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลงอย่างมากตามปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงถึง 22.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ซึ่งในไตรมาส 3 บริษัทจะเปิดให้บริการธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor : FA) เพื่อต่อยอดการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจร  และพัฒนาบริการด้านระบบเทคโนโลยีผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อสร้าง Engagement ของลูกค้า รวมทั้งบริหารต้นทุนอย่างเหมาะสมท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวนและมีปริมาณการซื้อขายที่ลดลง