LPN ลุย “Transform for Better Living” ปั้นแบรนด์ “168” ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

0
125

LPN  เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรปี 2566 ภายใต้แนวคิด “Transform for Better Living” ลุยแผนเปิดตัว 17 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท  ชูแบรนด์ “168” โครงการที่พักอาศัยภายใต้แนวคิด “น่าอยู่” พร้อมตอบทุกโจทย์คนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าตามแผนโรดแมป 5 ปี รายได้ 50,000 ล้านบาท

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในปี 2566 ภายใต้แนวคิด “Transform for Better Living” ว่าเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายรายได้ 50,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2565-2569 ตามแผนโรดแมป 5 ปี ทุกโครงการจึงต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกวัย ผ่านการพัฒนาและการออกแบบที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าทุกระดับ  รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหาร ให้สามารถกระจายรายได้อย่างสม่ำเสมอ และกำไรเติบโตอย่างน้อย 10% ต่อปี

ซึ่งปี 2566 มีความท้าทายหลายมิติ ทั้งพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป ภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีโอกาสถดถอย อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เราจึงวางแผนยกระดับการบริหารจัดการเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ตั้งแต่การนำร่องรูปลักษณ์ใหม่ของการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ “168” ในปี 2565 ที่ลูกค้าตอบรับดีจนปิดการขายโครงการ BAAN 365 RAMA 3 ไปแล้ว

ทั้งนี้แผนการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อ “Turnaround” ตามโรดแมป 5 ปี (2565-2569) ประกอบด้วย

1.Corporate Transformation: แยกโครงสร้างการบริหารบริษัท แอล.พี.พี.

พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) ในปี 2565 โดย LPN ยังถือหุ้น 100% โดยดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งอาคารชุดและบ้านพักอาศัยในทุกระดับราคา ตอบโจทย์ผู้ซื้อทุกกลุ่มเป้าหมาย

2.Management Transformation: ในปี 2565 LPN จัดโครงสร้างการบริหารภายในในรูปแบบของหน่วยธุรกิจ (Business Unit) จาก 4 หน่วยธุรกิจ คือ คอนโดมิเนียม บ้านพักอาศัยกลุ่ม Value บ้านพักอาศัยกลุ่ม Premium และธุรกิจเช่าอาศัย ในปี 2566 ได้เพิ่มหน่วยธุรกิจเพื่อพัฒนาบ้านพักอาศัยกลุ่ม Value เพื่อสอดคล้องกับแผนการขยายงานในปี 2566 และเพิ่มยอดขายจากการขายคอนโดมิเนียมพร้อมผู้เช่าผ่านงานบริการและการปล่อยเช่า ตอบโจทย์การขายนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก แต่ยังคงมีความเสี่ยงต่ำจากการบริหารงานอย่างมืออาชีพ

3.Project Development Transformation: ปี 2566 LPN วางแผนพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ “168” ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นที่พักอาศัยภายใต้แนวคิด “น่าอยู่” (Livable Community) ตอบรับไลฟ์สไตล์ลูกค้าในปัจจุบัน อาทิ การติดตั้ง EV Charger และ Solar Cell ในทุกโครงการ    พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตบนทำเลศักยภาพ

4.Digital Transformation: ตั้งเป้าหมายการบริหารจัดการองค์กรแบบ “Fully Digital Organization” ในทุกหน่วยงานภายในปี 2567 พร้อมสนับสนุนงานด้านการตลาด การขาย รวมไปถึงด้านการออกแบบและการบริการ รองรับการสร้างฐานลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าในหลากหลายช่องทาง และตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันและอนาคต

5.Brand Transformation: โดยปี 2566 เป็นปีแห่งการขยายการรับรู้และสร้างประสบการณ์ใหม่ของ LPN ทั้งกลุ่มเป้าหมายเดิมและกลุ่มเป้าหมายใหม่ พร้อมเปิดโอกาสสร้างความร่วมมือกับคู่ค้าทางธุรกิจ (Collaboration & Partnership) เพื่อเสริมสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการปรับรูปแบบการทำงานในองค์กร สร้างแรงจูงใจให้พนักงานได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์โดยยึดความต้องการลูกค้าเป็นหลัก และดึงดูดคนรุ่นใหม่เข้าร่วมงาน  

สำหรับแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “168” แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 4 โครงการ มูลค่า 5,000ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัย 13 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท โดยเปิดพรีเซลล์ 3 โครงการ ที่พักอาศัยระดับพรีเมี่ยม ได้แก่ Residence 168 ราชพฤกษ์ / Maison 168 เมืองทอง และ Villa 168 เวสต์เกต พร้อมกันไปเมื่อ 25-26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

และมีกำหนดเริ่มส่งมอบโครงการในปี 2566 จำนวน 14 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ได้แก่ ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48 และลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 (เฟส 3) และบ้านพักอาศัย 12 โครงการ ได้แก่ Residence 168 ราชพฤกษ์, Residence 168 อ่อนนุช 46, Maison 168 เมืองทอง, Villa 168 เวสต์เกต, Venue 168 เวสต์เกต, Venue 168 คูคต สเตชั่น, Venue 168 ราชพฤกษ์, Haus 168 เวสต์เกต, Haus 168 คูคต สเตชั่น, Haus 168 ราชพฤกษ์, และโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการ

นอกจากนี้ปี 2566 เป็นปีแรกในรอบ 5 ปีที่ LPN จะขยายการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยในต่างจังหวัดอีกครั้ง หลังจากเคยเปิดตัวคอนโดมิเนียมหวัดอุดรธานี ชลบุรี พัทยา และชะอำ  โดยเน้นขยายไปในจังหวัดที่มีการขยายตัวและกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะในทำเลเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor)

รวมไปถึงเป็นปีที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการก๊าซ CO2 ภายใต้แนวทาง Carbon Neutrality (อัตราการปล่อย CO2 เท่ากับอัตราการดูดซับของ CO2) และโครงการก่อสร้างทุกโครงการมุ่งเน้น “ขยะเป็นศูนย์” (Zero Waste) สอดคล้องกับนโยบายของรัฐในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในประเทศลงมา 20-25% ภายในปี 2573 ซึ่งสอดคล้องการทำงานของ LPN  ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาความยั่งยืนใน 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การนำหลักการออกแบบอาคารเขียวของสากลมาปรับใช้ในการพัฒนาโครงการตั้งแต่ปี 2552 และพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นมาตรฐานภายใต้แนวคิด 6 Green LPN

นายโอภาส กล่าวถึงรายได้ในปี 2565 ว่า มีรายได้รวม 6,136 ล้านบาท โต 42% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 3,769 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัย 2,064 ล้านบาท และรายได้จากการธุรกิจเช่า 303 ล้านบาท รวมทั้งยังมีรายได้พิเศษจากการขายอาคารสำนักงาน 2,590 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่า 1,845 ล้านบาท ที่จะสร้างรายได้ในปี 2566-2568 และสินค้าคงเหลือ (Inventory) มูลค่า 7,000 ล้านบาท