บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ หรือ MASTER ย้ายจาก MAI เข้ากระดานเทรด SET เมื่อ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา ดึงสถาบัน-กองทุนทั้งใน&ตปท. ข้าถือหุ้นสร้างความเชื่อมั่น มุ่งเป้าเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามชั้นนำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฐานะ Regional Company เผยธุรกิจความงามเติบโตต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ปี 2567 โตตามเป้า 20%
นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ผู้ประกอบกิจการโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ประกาศให้หุ้น MASTER ย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าซื้อขายใน SET ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จและสะท้อนภาพการเติบโตทางธุรกิจของ MASTER และเป็นโอกาสในการขยายฐานนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายย่อย และกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุน
โดยผลการดำเนนงานไตรมาสที่ 4 ปี 2567 คาดว่ามีการเติบโตต่อเนื่อง จากยอดการใช้จ่ายต่อบิลของลูกค้าต่างชาติเพิ่มสูงขึ้น 10-15% และหัตถการเติบโตตอบรับช่วง High season ทำให้มั่นใจได้ว่ารายได้ทั้งปี 2567 จะเติบโต 20% ตามเป้าหมาย อีกทั้งสัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะไปแตะเป้าหมาย 30% ภายในปี 2567 และ 30-40% ในปี 2568 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 25.85%
“ การย้ายเข้าเทรดใน SET เป็นอีกก้าวสำคัญของ MASTER ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าช่วงระยะเวลาปีกว่าในตลาด MAI ธุรกิจเติบโตสม่ำเสมอ ด้วยกลยุทธ์ Organic และ Inorganic แบบ Merger and Partnership (M&P) ที่ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นว่า MASTER มีเป้าหมายที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนคู่ตลาดหุ้นไทย และเชื่อว่านักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศจะสนใจเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น ” นายแพทย์ระวีวัฒน์ กล่าว
ลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER กล่าวว่า บริษัทฯ วางแผนที่จะเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฐานะ Regional Company โดยการย้ายเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ SET ถือเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น หลังมองเห็นศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ
โดยช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯได้เดินสายให้ข้อมูลกับกองทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศ (โรดโชว์) อย่าง สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งกองทุนมีความสนใจในธุรกิจ MASTER อย่างมาก โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/67 พบกองทุนไทยถือหุ้นใน MASTER คิดเป็นสัดส่วน 12% ขณะที่กองทุนต่างชาติถือหุ้นใน MASTER สัดส่วน 3% เพิ่มขึ้นจาก 1% ในช่วงต้นปี 66
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 คาดว่าเป็นไปตามอัตราการเติบโตของหัตถการที่ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ประกอบกับยอดการใช้จ่ายต่อบิลของลูกค้าต่างชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น 10-15% สอดคล้องกับการบริหารจัดการในด้านต้นทุนค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ เข้ามาช่วยสนับสนุนด้านการเติบโตให้ดียิ่งขึ้น คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2567เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
“ช่วงไตรมาส 4/2567 เริ่มเข้าสู่ช่วง High season จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะต่างประเทศที่มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย เมียนมาร์ กัมพูชา และลาว ที่วางเป้าหมายสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศอยู่ที่ 25-30% ผ่านการขยายตลาด และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในระดับภูมิภาค”
สำหรับปี 2567 วางเป้าหมายรายได้เติบโต 20% เน้นเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic ด้วยกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) จากการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและเป็นกิจการระดับแนวหน้าในแต่ละภูมิภาค โดยใช้จุดแข็งทางด้านระบบและการจัดการ ผนึกกำลังสร้างโอกาสการเติบโตร่วมกัน ภายใต้กลยุทธ์ Cross Boder-Cross Selling และ Cross Synergy ซึ่งถูกออกแบบให้เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวและรองรับการเติบโตของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบการขยายธุรกิจในต่างประเทศ ผ่านการจัดตั้งโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามที่ประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 2 ปี 2568 ขณะที่แผนสร้างการเติบโตของธุรกิจ ผ่านการเข้าถือหุ้นบริษัท (M&P) คาดเห็นความชัดเจนภายในช่วงปลายปีนี้เพิ่มเติม เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
