พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ ผู้จัดการกองทรัสต์ ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ “PROSPECT REIT” เผยผลการดำเนินงาน Q 4/2566 รายได้รวม 158.91 ล้านบาท เติบโต 7.1% กำไรจากการลงทุนนิวไฮ 92.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% อัตราเช่าพื้นที่รวม 95.5% อัตราต่อสัญญา 97.2% เผยภาคอุตสาหกรรมปี 2567 ยังคงสดใส พื้นที่ Free Zone หรือเขตปลอดอากร บางนา-ตราด ดึงนักลงทุนต่างชาติ ตั้งฐานการผลิตต่อเนื่อง
นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ กล่าวว่า ด้วยความเป็นมืออาชีพของทีมงาน ประสบการณ์ตรงด้านการบริหารจัดการกองทรัสต์ และกลยุทธ์ลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพสูง ทำเล Prime Location ศักยภาพของพื้นที่ Free Zone ตลอดจนความเชี่ยวชาญของผู้บริหารอสังริมทรัพย์ ที่ให้บริการและดูแลผู้เช่าแบบครบวงจร ทำให้ผลการดำเนินงานของ PROSPECT REIT ดีอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากอัตราการเช่าในปี 2566 สูงกว่า 95% และทรัพย์สินของกองทรัสต์เป็นอาคารสำเร็จรูป Ready Built คุณภาพสูง มีรูปแบบอาคารให้เช่าที่หลากหลาย ดึงดูดผู้เช่าที่ประกอบกิจการเป็นโรงงานสูงกว่า 80% ส่งผลให้ปี 2566 มีอัตราการต่อสัญญาที่สูงถึง 97.2% ส่งตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอให้กับผู้ถือหน่วย
โดยโครงการใหม่ที่เข้าลงทุนเพิ่มเติมในปี 2566 โครงการ BFTZ 2 ถ.เทพารักษ์ และ โครงการ BFTZ 3 ถ.บางนา-ตราด กม.19 ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตโซล่าเซลล์ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค วัสดุก่อสร้าง ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ รับเทรนด์เติบโตของการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า EV ด้านโครงการ BFTZ 1 ถ.บางนา-ตราด กม.23 รักษาฐานผู้เช่าเดิมได้เหนียวแน่น อาทิ อุตสาหกรรมกระดาษ อาหาร รีไซเคิล โลจิสติกส์ ผลิตส่วนประกอบอุตสาหกรรม และผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ โดยผู้เช่าส่วนใหญ่ ได้แก่ ไทย, ญี่ปุ่น, จีน และ สหรัฐอเมริกา ตามลำดับ

“REIT ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทอุตสาหกรรม เป็นกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่องแม้มีหลากหลายเหตุการณ์เข้ามากระทบ ยังให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ สร้างรายได้ต่อเนื่องในรูปแบบค่าเช่าเป็น Recurring Income นักลงทุนต่างชาติมั่นใจในการขยายฐานการผลิตมายังประเทศไทยมากขึ้น Prospect REIT Management พร้อมวางแผนบริหารจัดการทรัพย์สิน รักษาสภาพคล่องทางการเงินให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว โดยแผนงานสำคัญของปีนี้ คือการขยายมูลค่าสินทรัพย์รวมสู่ 10,000 ล้านบาท เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในรูปแบบกรรมสิทธิ์ (Freehold) ภายใต้กองทรัสต์ให้มากขึ้น เพื่อสร้างเสถียรภาพและส่งต่อผลตอบแทนที่ดีมั่นคงสม่ำเสมอให้แก่ผู้ถือหน่วย” นางสาวอรอนงค์ กล่าวสรุป
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการผู้จัดการกองทรัสต์ มีมติอนุมัติจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 – 31 ธ.ค. 2566 ในอัตรา 0.2175 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้การลงทุนเพิ่มเติมใน 2 โครงการใหม่ยังรับรู้รายได้ไม่เต็มปี แต่กองทรัสต์สามารถจ่ายเงินออกให้ผู้ถือหน่วยได้ถึง 0.7895 บาทต่อหน่วยในปี 2566 โดยจะขึ้นเครื่องหมายวันที่ไม่ได้รับสิทธิรับเงินปันผล (XD) วันที่ 29 ก.พ. 2567 และจ่ายเงินออกให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 15 มี.ค. 2567