SCB ชูยุทธศาสตร์ “Digital Bank with Human Touch” ปักธงผู้นำ Wealth Management

0
182

ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดวิสัยทัศน์ “Digital Bank with Human Touch” ด้วยพันธกิจการเป็น“ดิจิทัลแบงก์อันดับหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมการบริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทาง”ปรับโครงสร้างผนึกงานดิจิทัลและเทคโนโลยี ลุยพัฒนาบริการธนาคารดิจิทัลเต็มรูปแบบ วางหมากขยายกลุ่มความมั่งคั่งด้วยโมเดล Digital Wealth เปิดตลาด Emerging Wealth เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ก้าวต่อไปของธนาคารไทยพาณิชย์ คือก้าวที่ธนาคารต้องเป็นมากกว่าธนาคาร โดยทำให้ลูกค้าเข้าถึงง่ายในทุกช่องทาง ไม่เพียงเฉพาะสินเชื่อ แต่รวมไปถึงการให้คำแนะนำการลงทุน การบริหารการเงิน  บริหารความเสี่ยง ด้วยความเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง ธนาคารจึงกำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ในการเป็น “Digital Bank with Human Touch รู้จักลูกค้าผ่านข้อมูล รู้ใจลูกค้าผ่านความรู้สึก” โดยกำหนดยุทธศาสตร์การเป็น “ดิจิทัลแบงก์ที่เป็นอันดับหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมมอบบริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทาง”ภายใต้แผน 3 ปี (2566-2568) ประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก ดังนี้

1) ปรับองค์กรเป็นธนาคารดิจิทัล  โดยการปรับโครงสร้างรวมงานด้านดิจิทัลแบงก์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และปฏิบัติการ เข้าไว้ด้วยกันภายใต้ความดูแลของผู้จัดการใหญ่ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Technologyซึ่งทั้ง 3 ส่วนงาน เป็นส่วนสำคัญในการยกระดับธนาคารให้เป็นธนาคารดิจิทัลครบวงจร  ซึ่งแนวโน้มการใช้งานดิจิทัลของคนไทยปัจจุบัน มีการใช้แอปพลิเคชันการเงินเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียน และ 94% ของคนไทยเข้าถึงบริการทางการเงิน และมีความต้องการใช้บริการดิจิทัลเพิ่มขึ้น

“โควิด19 เปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าอย่างสิ้นเชิง ใช้เงินสดลดลง ใช้ช่องทางดิจิทัลมากขึ้น รวมไปถึงการใช้บริการทางการเงินเปลี่ยนไป คนไทยตอบรับเทคโนโลยีใหม่อย่างรวดเร็วและใช้ดิจิทัลเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย  ปัจจุบันคนไทย 70% ใช้ดิจิทัลเข้าถึงการออมและชำระเงินเป็นหลัก  จึงเป็นโอกาสในการเติบโตอีกหลายบริการ ทั้งสินเชื่อ การลงทุน การบริหารการเงิน ซึ่งคนไทย 60% ออมเงินผ่านบัญชีเงินฝาก และ 30% ไม่เคยลงทุนในตลาดการเงิน  เราจึงต้องยกระดับบริการสู่ธนาคารดิจิทัลอย่างเต็มตัว  โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านดิจิทัลเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าทุกกลุ่มด้วยบริการใหม่ๆมากขึ้น”

นอกจากนี้ได้เตรียมเงินลงทุนด้านเทคโนโลยีจำนวน 7,000-10,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มต่อยอดฐานข้อมูล(DATA)และบริการ ให้ตอบโจทย์ด้านการใช้งานฐานข้อมูลและด้านความปลอดภัย ทั้งข้อมูลในฝั่งลูกค้าและฝั่งธนาคาร  เพื่อให้ลูกค้าใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆได้อย่างมั่นใจและสบายใจ  

2) เป็นเจ้าตลาดทางด้านบริหารความมั่งคั่ง  โดยธนาคารได้วางรากฐานบริการด้านบริหารความมั่งคั่งไว้อย่างเพียบพร้อม ทั้งทางด้านบุคลากร ที่ปัจจุบันมีจำนวนที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่ได้รับการรับรองจากสถาบันชั้นนำของเอเชียมากที่สุดในประเทศไทย ด้านผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่หลากหลาย และพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยฐานลูกค้าปัจจุบันเป็นกลุ่มระดับกลางถึงระดับบน  ซึ่งเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิดเกิดกระแสความมั่งคั่งกลับคืนมา จึงเป็นโอกาสที่ธนาคารพร้อมเสนอบริการบริหารความมั่งคั่งอย่างครบวงจร ไม่เพียงแต่ต่อยอดความมั่งคั่งทางด้านทรัพย์สินส่วนบุคคคล  แต่รวมไปถึงการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ ทั้งการขยายธุรกิจ การระดมทุนรูปแบบต่างๆ หรือการขยายลงทุนในต่างประเทศ ให้แก่ลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าองค์กร ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ

โดยธนาคารได้ริเริ่มโมเดล Digital Wealth โครงการที่นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างความมั่งคั่ง โดยมุ่งไปที่ Emerging Wealth กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการจะสร้างความมั่งคั่งระยะแรกเริ่ม ซึ่งอาจยังมีสินทรัพย์ไม่มาก แต่มีความต้องการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อความมั่งคั่งในระยะยาว  โดยคนกลุ่มนี้มักจะวางแผนการลงทุนด้วยตัวเอง  ธนาคารจึงนำดิจิทัลมาเป็นตัวช่วย เป็นทางเลือกทางการออมและการลงทุนที่เหมาะสมสร้างข้อเสนอแบบรู้ใจเฉพาะบุคคล (Hyper-personalized offer) กระตุ้นให้ลูกค้ามองเห็นโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งในหลากหลายรูปแบบ โดยจะเป็นโครงการต้นแบบของการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าในกลุ่มอื่นๆ ต่อไปในอนาคต

“จากจุดแข็งทั้งในด้านความพร้อมของบุคลากร ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่หลากหลาย และพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น บลจ.ไทยพาณิชย์  SCB Julius Baer และ FWD ธนาคารจึงตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำตลาด Wealth Management ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันที่มีลูกค้าประมาณ 400,000 ราย สินทรัพย์ AUM 1.6 ล้านล้านบาท  จะเพิ่มเป็น 600,000 ราย สินทรัพย์ AUM 2 ล้านล้านบาท ภายในสิ้นปี 2568”

3) ยกระดับการให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทาง สิ่งสำคัญที่เป็นหัวใจของ Digital Bank with Human Touch คือ ประสบการณ์ที่ดี ณ จุดให้บริการผ่านช่องทางต่างๆของธนาคาร  เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาขยายการทำงานเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ ทั้งในโลกดิจิทัลและโลกแห่งความเป็นจริง รวมถึงปรับปรุงและพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานให้มีความทันสมัยเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความสามารถในการให้บริการในวงกว้าง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกช่องทางด้วยมาตรฐานเดียวกัน

นายกฤษณ์ กล่าวถึงเป้าหมายในปี 2566 ว่าตั้งเป้าการเติบโตสินเชื่อ 5% สร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 10% ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายอยู่ที่ 40%  และหลังจากปรับให้เป็นดิจิทัลครบวงจรตามแผน 3 ปี ในปี 2568 ธนาคารมีเป้าหมายจะลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ให้ต่ำกว่า 40% รวมถึงการเป็นอันดับ 1 wealth wallet share พร้อมผลักดันสินเชื่อสีเขียว (Green Finance) เพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท ตามเจตนารมณ์ด้านความยั่งยืน (ESG

สำหรับการสร้างสมดุลของพอร์ตสินเชื่อเพื่อมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกัน วางเป้าเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ให้น้ำหนักลูกค้ากลุ่มที่มีคุณภาพสูง เพื่อพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินมีทิศทางปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่อาจผันผวน  โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีพอร์ตสินเชื่อรวม 2.3 ล้านล้านบาท เป็นสินเชื่อบุคคล 9.8 แสนล้านบาท สินเชื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 4.1 แสนล้านบาท และธุรกิจขนาดใหญ่ 9.2 แสนล้านบาท

ปัจจุบันธนาคารให้บริการแบบครบวงจร หรือ Universal Bank โดยครองความเป็นผู้นำตลาดในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ อาทิ อันดับหนึ่งในสินเชื่อที่อยู่อาศัย อันดับหนึ่งในธุรกิจ Bancassurance นอกจากนี้ ยังเป็น Top 3 ในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี สินเชื่อลูกค้ารายย่อย และทางด้านการบริหารความมั่งคั่ง ให้บริการครบวงจร ด้วย Touchpoints 766  สาขา   ATM กว่า 10,000 ตู้  พนักงานดูแลลูกค้ากว่า 10,000 คน ฐานลูกค้า 17 ล้านราย และเป็น Top 3 ธนาคารที่มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันทางเงินมากที่สุดในประเทศ  ด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์ม  SCB EASY และ Connect