“T1 Dynamic Points” พลิกโฉมบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน

0
89

“บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน” โฉมใหม่ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ทุกไลฟ์สไตล์ เพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ “T1 Dynamic Points พอยท์แบบใหม่ ให้ได้มากกว่า”  ทุกวันที่ 15 มอบคะแนน The 1 สูงสุด 4 เท่า กับหมวดสินค้าหรือแบรนด์ที่อยู่ในกระแสนิยมที่ร่วมรายการในแต่ละเดือน  และส่วนลดสูงสุด 10% ทั้งกลุ่มธุรกิจในเครือเซ็นทรัล พร้อมพร้อมสิทธิพิเศษที่โรงแรมในเครือ Centara และ SALA ตั้งเป้าสมัครบัตรใหม่ 100,000 บัญชี ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 10% ภายในปี 2568

กลุ่มเซ็นทรัล แต่งตั้งบริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด ภายใต้กลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เป็นผู้ให้บริการบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน ต่อเนื่องไปอีก 8 ปี  จากจุดเริ่มต้นความร่วมมือตั้งแต่ 2541 ที่มีผู้ถือบัตรเซ็นทรัล คาร์ด เพียง 15,000 ใบ ได้พัฒนาเป็นบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ที่ปัจจุบันมีจำนวนผู้ถือบัตรกว่า  900,000 ใบ มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ กว่า 125,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2567 )

ล่าสุดได้ร่วมกันพัฒนา “T1 Dynamic Points พอยท์แบบใหม่ที่ให้มากกว่า” ฟีเจอร์ใหม่เพื่อให้บริการทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น พร้อมขยายฐานลูกค้ากลุ่มวัยทำงานรุ่นใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการบัตรทันสมัยและให้สิทธิประโยชน์มากกว่าส่วนลด  ยกระดับบัตรให้เป็น “Lifestyle Credit Card” ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่

นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน มีส่วนแบ่งตลาด 5.5% ของตลาดบัตรเครดิต และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับพ.ศ. 2560 ซึ่งการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่และการเปิดตัวบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวันโฉมใหม่ครั้งนี้  ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย  ทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ เพื่อสร้างสรรค์เพย์เมนต์ โซลูชั่น ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของลูกค้าได้อย่างตรงใจ โดยปี 2568 ถือเป็นก้าวสำคัญของบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ในฐานะผู้นำตลาดบัตรเครดิตร่วม ที่เป็นมากกว่าบัตรเครดิตร่วม

นายชีวิน ปราชญานุพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด เปิดเผยถึง“บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน” โฉมใหม่ว่า เป็นการนำจุดแข็งของ Central Group และ  The 1 ซึ่งเป็น Loyalty Platform อันดับต้นของประเทศ มาสร้างสรรค์ฟีเจอร์ใหม่  “T1 Dynamic Points ” ซึ่งเป็นบัตรเครดิตใบแรกในประเทศไทยที่ให้คะแนนในลักษณะนี้  โดยยังคงสิทธิประโยชน์หลักเดิม เช่น คะแนน The 1 สูงสุด 4 เท่า, ส่วนลดสูงสุด 10% ทั้งกลุ่มธุรกิจในเครือเซ็นทรัล พร้อมเพิ่มสิทธิพิเศษที่โรงแรมในเครือ Centara และ SALA

พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ “T1 Dynamic Points พอยท์แบบใหม่ ให้ได้มากกว่า” มอบคะแนนเดอะวันมากกว่าที่เคย ทุกวันที่ 15 ของเดือน กับหมวดสินค้าหรือแบรนด์สุดพิเศษที่ร่วมรายการในแต่ละเดือน เช่น โปรโมชั่นพิเศษวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 มอบคะแนนเดอะวันถึง 20 เท่า โดยไม่จำกัดสิทธิ์ สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ตามเงื่อนไขในช้อปได้ทุกแบรนด์ที่แผนก Luxe Galerie ที่เซ็นทรัลชิดลม และ หมวดสินค้า Luxury  ร้านค้าในแผนก Contemporary Fashion ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาที่ร่วมรายการ และแผนก Luxe Galerie ที่เซ็นทรัลชิดลม เป็นต้น (จำกัดคะแนนเดอะวันพิเศษสูงสุด 100,000 คะแนนต่อหมายเลขบัตรหลัก ตลอดรายการ)

“ภาพลักษณ์แบรนด์และสิทธิประโยชน์ที่โดดเด่นของบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน โฉมใหม่ จะช่วยเพิ่มยอดใช้จ่ายผ่านบัตร รวมทั้งช่วยขยายฐานลูกค้าให้หลากหลาย  นอกจากกลุ่มลูกค้าเดิมซึ่งเป็นกลุ่มวัยทำงานที่มีรายได้สูงแล้ว ยังตั้งเป้าดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่  ที่มองหาบัตรเครดิตที่ให้สิทธิประโยชน์ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์  กลุ่มที่เริ่มมีเครดิตและกำลังมองหาบัตรแรกในชีวิต โดยตั้งเป้าภายในปี 2568 จะมียอดสมัครบัตรใหม่ 100,000 บัญชี และยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 137,000 ล้านบาทเติบโต 10%”

สำหรับภาพรวมธุรกิจเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2568 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน 62,400 ล้านบาทเติบโต 5%  เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยหมวดใช้จ่ายผ่านบัตรที่มียอดเติบโตสูงสุด 3 อันดับแรกช่วงครึ่งปีแรก ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป ได้แก่ 1.เซ็นทรัลออนไลน์ , 2.ร้านอาหารในเครือ CRG, 3.ไทวัสดุ สำหรับหมวดใช้จ่ายผ่านบัตรอื่นๆนอกเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป ที่เติบโตสูงสุด ได้แก่   1.การเงินการลงทุน, 2.แพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์, 3. ประกันภัย

ทั้งนี้สมาชิกบัตรติดตามสินค้าที่ร่วมรายการในทุกวันที่ 15 ของเดือนจากสื่อประชาสัมพันธ์ของบริษัท เงื่อนไขเพิ่มเติม ติดตามได้จาก www.centralthe1card.com  (สิทธิพิเศษตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม ถึง 31 ธันวาคม 2568)

หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี