THREL กางแผนปี 2568 ก้าวสู่ “Road to Quality” ปั้นพอร์ตคุณภาพขับเคลื่อนการเติบโต ต่อยอดกลยุทธ์ “ซ่อม-สร้าง” ตั้งเป้าดึง Combined Ratio ยืนที่ระดับ 100% พร้อมเปิดผลงานปี 2567 กวาดเบี้ยประกันภัยต่อรับเพิ่ม 32% แตะ 4,559 ล้านบาท ยอมรับ Medical Inflation ยังเป็นปัจจัยท้าทายหลัก กระทบคุณภาพการเคลมสินไหมประกันสุขภาพ
นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยว่า ธุรกิจประกันชีวิตได้ปรับเบี้ยประกันสุขภาพกลุ่มขึ้นเฉลี่ย 30% พร้อมปรับนโยบายการขาย พัฒนาผลิตภัณฑ์ นำเทคโนโลยีมาพัฒนาการบริการและกระบวนการทำงาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ส่งผลให้แนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตปี 2568 ปรับตัวดีขึ้น โดยไทยรีประกันชีวิตตั้งเป้าก้าวสู่ “Road to Quality” ปั้นพอร์ตคุณภาพ ขับเคลื่อนการเติบโตแข็งแกร่ง ผลักดันอัตราค่าใช้จ่ายรวม (Combined ratio) กลับมายืนอยู่ที่ระดับ 100%
ทั้งนี้ ถือเป็นอีกขั้นในการต่อยอดกลยุทธ์ “ซ่อม-สร้าง” โดยเร่งปรับพอร์ตให้สมดุลในการรับประกันทุกประเภท พร้อมปรับเงื่อนไขการรับประกันภัยต่อ ให้สอดคล้องอัตราสินไหมทดแทนที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงพิจารณายกเลิกสัญญาที่ไม่ทำกำไรในระยะยาว ภายใต้การคุมเข้มกระบวนการพิจารณารับประกันภัย และบริหารความเสี่ยง ด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ เพื่อควบคุมคุณภาพผลการรับประกันภัยให้อยู่ในระดับความเสี่ยงที่รับได้
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 มีเบี้ยประกันภัยต่อรับเพิ่มขึ้น 32% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน จำนวน 4,559 ล้านบาท โดยเป็นเบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิ 4,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% ตามการเติบโตของตลาดประกันสุขภาพรายบุคคลและประกันกลุ่ม ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยรวมเพิ่มขึ้นราว 41% อยู่ที่ 4,502 ล้านบาท จากค่าสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้น 1,244 ล้านบาท ตามการเติบโตของเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้น และจากการเพิ่มขึ้นของอัตราค่ารักษาพยาบาล (medical cost inflation) ของผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ ที่มีการปรับขึ้นตามภาวะอุตสาหกรรม ซึ่งสูงเกินกว่าอัตราค่าเบี้ยประกันที่ได้ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าบำเหน็จที่เพิ่มขึ้น 141 ล้านบาท
หากพิจารณาตามการเติบโตของเบี้ยประกันในไตรมาส 4 มีแนวโน้มว่าบริษัทจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น แต่เนื่องด้วยมี Major Claim เกิดขึ้น 2 ราย จากการประกัน Credit Life ซึ่งกระทบกับสินไหมที่บริษัทรับประกันต่อมูลค่า 50 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2567 บริษัทมีผลขาดทุนอยู่ราว 85 ล้านบาท และ Combined Ratio ขยับมาอยู่ที่ระดับ 104.1%
“Medical Inflation ที่สูงขึ้นยังคงเป็นปัจจัยท้าทายต่อการบริหารคุณภาพการเคลมสินไหมประกันสุขภาพ แต่จากกลยุทธ์ที่บริษัทได้เร่งดำเนินการ ทั้งปรับพอร์ตให้มีความสมดุลในทุกประเภท การปรับเงื่อนไขรับประกัน ตลอดจนยกเลิกสัญญาที่ไม่ทำกำไร ซึ่งอาจส่งผลต่อการชะลอการเติบโต แต่จะเป็นกลยุทธ์ที่จะรักษาความเสี่ยงของความผันผวนจากการเคลม เพื่อให้บริษัทกลับมามีผลประกอบการอย่างยั่งยืนในระยะยาว” นายวิพล กล่าว