THREL โชว์เบี้ยรับปี 66 ทะลุ 3.4 พันลบ. ตั้งเป้าปี 67 โต 4-5% เน้นกลยุทธ์ “ซ่อม-สร้าง”

0
57

THREL กางแผนปี 2567 เดินหน้ากลยุทธ์ “ซ่อม-สร้าง” ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยต่อรับโตต่อเนื่อง 4-5% ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.086 บาท/หุ้น หลังปิดผลงานปี 2566 กำไรสุทธิ 62 ล้านบาท กวาดเบี้ย 3,455 ล้านบาท โต 17%

 นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2567 ว่ามีสัญญาณการเติบโตดีขึ้น โดยผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันชีวิต จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทจึงเดินหน้าขยายโอกาสต่อยอดธุรกิจ ภายใต้กลยุทธ์ “ซ่อม-สร้าง” ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโต 4-5% จากปี 2566 ที่ทำได้ 3,455 ล้านบาท

โดยกลยุทธ์ “สร้าง” เน้นประกันสุขภาพรายบุคคลที่มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นตามภาพรวมอุตสาหกรรม ขณะที่กลยุทธ์ “ซ่อม” เน้นดูแลรักษาคุณภาพการรับงานใหม่ๆ โดยเฉพาะประกันสุขภาพกลุ่ม ที่ราคาค่ารักษาพยาบาล (Medical Cost Inflation)ขยับขึ้นกว่า 10% จากสถานการณ์ปกติที่ปรับขึ้นเฉลี่ยราว 5-7% ต่อปี โดยขณะนี้ได้ทบทวนราคาค่าเบี้ยประกันสุขภาพสำหรับการต่ออายุสัญญาให้เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 62 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยต่อรับโต 17% จำนวน 3,455 ล้านบาท ตามการเติบโตของงานประกันสุขภาพ ทั้งแบบรายบุคคลและรายกลุ่ม โดยเบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 14% แตะ 3,301 ล้านบาท  ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2566 อัตรา 0.086 บาท/หุ้น คิดเป็นวงเงินรวม 52.46 ล้าน คิดเป็นสัดส่วน 84.6% ของกำไรสุทธิ สูงกว่าขั้นต่ำของนโยบายจ่ายเงินปันผลที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยรวมอยู่ที่ 3,305 ล้านบาท เพิ่มขึ้น18% ตามการเติบโตของเบี้ยประกันต่อรับรวม และผลจากค่าสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้น 370 ล้านบาท อยู่ที่ 2,386 ล้านบาท จากจำนวนการเข้ารักษาพยาบาลสะสม และอัตราค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 1/2566 รวมถึงค่าบำเหน็จสุทธิเพิ่มขึ้นราว 17% อยู่ที่ 753 ล้านบาท

ส่งผลให้ Combined Ratio (COR) อยู่ที่ระดับ 99.9% อย่างไรก็ตามหากไม่รวมผลประกอบการในไตรมาส 1/2566 ที่ค่าสินไหมสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอันเป็นผลจากปี 2565 Combined Ratio จะอยู่ที่ระดับ 97.7% ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ดำเนินการทบทวนราคาค่าเบี้ยประกันสุขภาพสำหรับการต่ออายุสัญญาให้เหมาะสม เพื่อให้อัตราค่าสินไหมทดแทนต่อเบี้ย (Loss ratio) และอัตราค่าใช้จ่ายรวม (Combined ratio) กลับเข้าสู่เกณฑ์เป้าหมายแล้ว

“บริษัทฯมุ่งเน้นประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และคุมเข้มความเสี่ยงในการรับงาน เพื่อควบคุมอัตราค่าสินไหมทดแทนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ภายใต้การเดินหน้ามองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อต่อยอดการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว มั่นใจรักษาระดับ Combined Ratio เฉลี่ยต่อปีไว้ที่ 95-96% ได้ภายในปี 2570” นายวิพลกล่าว