TIA ผนึกสภาทนายความฯ จัด Class Action สัญจร ปั้นทนายความอาชีพเข้าสู่ตลาดทุน 

0
32

สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) เปิดแผนปี 2567  ร่วมมือสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์  ปูพรมจัด Class Action สัญจร  9 จังหวัด โดยกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF )สนับสนุนงบประมาณ ชวนทนายความอาชีพทั่วไทยร่วมอบรมเชิงลึก หลักการ เหตุผลและเงื่อนไขของการดำเนินคดีแบบกลุ่มคดีเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ สร้างทนายความอาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้านตลาดทุน หวังผลการบังคับใช้กฎหมาย Class Action มีประสิทธิภาพเป็นเครื่องมือป้องกันให้นักลงทุน

คุณยิ่งยง นิลเสนา นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย(TIA) องค์กรตัวแทนผู้ถือหุ้นรายบุคคล “ทำหน้าที่สนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนเพื่อความยั่งยืน เปิดเผยว่า การให้ความรู้เรื่องการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) การจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ในการฟ้องคดีแบบกลุ่ม ยังเป็นภารกิจหลักในปีนี้ เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีเครื่องมือในการปกป้องนักลงทุนที่ได้รับความไม่เป็นธรรมจากการลงทุน  

คุณสิริพร จังตระกุล เลขาธิการสมาคมฯ กล่าวว่า กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณในการจัดสัญจร 9 จังหวัด โดยเริ่มที่เชียงใหม่เป็นจังหวัดแรก ส่วนที่เหลือประกอบด้วย จังหวัดสงขลา จังหวัดชลบุรี จังหวัดสุราษฏร์ธานี  จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอุดรธานี จังหวัดเชียงราย กาญจนบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามลำดับ 

“Class Action สัญจรปีนี้ ทนายความอาชีพที่จะเข้ามาร่วมอบรมและเป็นการอบรมให้ความรู้เชิงลึก หลักการ เหตุผล และเงื่อนไข ของการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ซึ่งผลการวิจัยของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าการเริ่มต้นคดีความของ “ทนายความ”  ที่จะเป็นผู้รวบรวมข้อมูลอันเป็นสารตั้งต้นของการเดินทางตามกระบวนการยุติธรรมนั้น ยังอาจต้องเติมความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเยียวยาผู้เสียหาย”

ทั้งนี้หัวข้อกการอบรม “ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคดีกลุ่ม” บรรยายโดย ท่านพงษ์เดช วานิชกิตติกูล รองประธานศาลอุธรณ์ และ “การดำเนินคดีแบบกลุ่มในคดีหลักทรัพย์” บรรยายโดย ท่านชลวัชร อัศวพิริยอนันต์ รองเลขานุการศาลฏีกา  

พร้อมกันนี้มีการสอบวัดผลประมวลความรู้ ประเมินกระบวนการวิชาชีพ พร้อมมอบวุฒิบัตรให้กับผู้เข้าอบรม เพื่อยืนยันว่า ตลาดทุนไทยจะมีทนายความอาชีพที่มีความรู้ด้านคดีตลาดทุนเพิ่มเข้ามาและหวังผลให้การบังคับใช้กฎหมาย การดำเนินคดีแบบกลุ่มของไทยมีประสิทธิภาพ 

โดยในปีที่ผ่านมา TIA ร่วมกับ สภาทนายความฯร่วมกันให้ความรู้ตามหลักสูตรทั้งสองระดับคือขั้นพื้นฐานและขั้นก้าวหน้า จนมีผู้สำเร็จหลักสูตร จำนวน 81 คน

สำหรับความคืบหน้าในการจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ในการฟ้องคดีแบบกลุ่ม – Class Action” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2558 ว่าด้วยการดำเนินคดีแบบกลุ่ม ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 08 ธันวาคม 2558 มีผลบังคับใช้ในทางปฏิบัติชัดเจนมากขึ้น ซึ่งคืบหน้าไปมากและจะเห็นศูนย์ดังกล่าวเกิดขึ้นในตลาดทุนไทยแน่นอน 

ท่านพงษ์เดช วานิชกิตติกูล รองประธานศาลอุธรณ์ กล่าวว่า  กฎหมาย ClassAction จะมีความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ที่ทุกประเทศทั่วโลกให้ความสนใจ ซึ่งไทยมีกฎหมายนี้มาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งคดีที่จะเข้าลักษณะการดำเนินคดีแบบกลุ่ม คือ สิทธิผู้บริโภค ,หลักทรัพย์และการแข่งขันทางการค้า,สิ่งแวดล้อม , คดีละเมิดที่มีผู้เสียหายจำนวนมากและสิทธิพลเมือง เป็นต้น ขณะที่กลุ่มบุคคลที่จะเข้าลักษณะการดำเนินคดีแบบกลุ่ม คือบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปไม่จำกัดจำนวนสูงสุด สิทธิเรียกร้องต่อจำเลยต้องเหมือนกันอาศัยข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายเดียวกันความเสียหายของแต่ละคนไม่เหมือนและไม่เท่ากันได้ 

“นับตั้งแต่เริ่มที่จะดำเนินคดีแบบกลุ่ม แนะนำให้ทำรายละเอียดทั้งหมดของกลุ่มบุคคลที่เข้ามา ทำรายการค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการทำคดีทั้งหมด เมื่อถึงวันที่ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มประเด็นเหล่านี้ต้องพร้อมที่จะเปิดเพื่อการพิจารณา เพราะตามกฎหมายผลตอบแทนของคดีที่จะได้รับ 30% ของมูลฟ้องนั้นทนายความจะต้องถูกนำมาพิจารณาทั้งหมด” ท่านพงษ์เดช กล่าวสรุป