ธนาคารทิสโก้ ผนึกกรุงเทพประกันชีวิต เสริฟประกันโรคร้ายแรง “TISCO CI Extra Care” เป็นกี่โรคร้ายก็หายห่วงเบิกต่อได้ไม่ต้องรอ รับเงินก้อนสำหรับใช้จ่ายนอกโรงพยาบาล หรือรักษาด้วยนวัตกรรมการแพทย์สมัยใหม่ คุ้มครองโรคร้ายตั้งแต่ระยะแรกสูงถึง 30% ของเงินเอาประกันภัย
นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisoryธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนประกันสุขภาพโรคร้ายแรง TISCO CI Extra Care ว่า ได้ร่วมกับ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หนึ่งในพันธมิตรพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันโรคร้ายแรงเพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่า และเป็นส่วนสำคัญในการปกป้องความมั่งคั่ง ด้วยจุดเด่นของการให้บริการทางการเงินภายใต้โมเดลธุรกิจ Open Architecture ธนาคารจึงสามารถคัดเลือกผลิตภัณฑ์การเงินที่ดี (Good products) จาก 8 บริษัทประกันชั้นนำ มาตอบโจทย์ความต้องการให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มที่
โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง TISCO CI Extra Care มีความคุ้มครองที่คุ้มค่า คือ
1.เคลมต่อได้ ไม่ต้องรอ เช่น ตรวจพบโรคมะเร็งแล้วต่อมาตรวจพบโรคหัวใจ ผู้เอาประกันสามารถเคลมได้โดยไม่มีระยะเวลารอคอยระหว่างกลุ่มโรค
2. รับเงินก้อน สำหรับนำไปรักษาด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ หรือนำไปใช้จ่ายอื่น ๆ ภายนอกโรงพยาบาล
3. คุ้มครองโรคร้ายแรงตั้งแต่ระยะแรกถึง 30% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
ทั้งนี้ ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง TISCO CI Extra Care ให้ความคุ้มครอง 8 กลุ่มโรคร้ายแรง คือ กลุ่มโรคมะเร็งและเนื้องอก กลุ่มโรคเกี่ยวกับหัวใจ หลอดเลือด ระบบประสาท และผลสืบเนื่อง กลุ่มโรคเกี่ยวกับอวัยวะ และระบบการทำงานที่สำคัญ กลุ่มภาวะติดเชื้อ หรือการบาดเจ็บร้ายแรงกลุ่มโรคร้ายแรงในเด็ก (อายุไม่เกิน 16 ปี) กลุ่มโรคร้ายแรงในผู้สูงอายุ (อายุ 51 ปี ขึ้นไป) กลุ่มภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน และกลุ่มโรคร้ายแรงอื่นๆ
และยังคุ้มครองทุกระยะ เคลมต่อได้สูงสุดถึง 700% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย รวมถึงค่าชดเชยรายวัน ในกรณีเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในจากการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง สูงสุดวันละ 10,000 บาท โดยจะจ่ายให้สูงสุดไม่เกิน 90 วัน ตลอดอายุกรมธรรม์ โดยรับทำประกันตั้งแต่อายุ 6 เดือน – 70 ปี ผู้เอาประกันสามารถต่ออายุการทำประกันได้สูงสุดถึงอายุ 98 ปี โดยมีความคุ้มครองทุกกลุ่มโรคร้ายแรง รวมสูงสุดถึง 35 ล้านบาท (สำหรับแผน 3)
“ที่ผ่านมาธนาคารทิสโก้เน้นย้ำให้ลูกค้ามีผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพควบคู่ไปกับการทำประกันสุขภาพโรคร้ายแรง เพื่อปิดความเสี่ยงทั้งค่าใช้จ่ายภายในโรงพยาบาล เช่น ค่ารักษา ค่าห้อง และค่าใช้จ่ายนอกโรงพยาบาล เช่น ค่าจ้างพยาบาล ค่าจ้างนักกายภาพมาดูแลที่บ้าน ค่าปรับปรุงที่พักอาศัยสำหรับผู้ป่วย ค่ายานอกบัญชี และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปพบแพทย์เพื่อติดตามอาการ” นายณัฐกฤติ กล่าวสรุป
