ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics คาดโมเมนตัมเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ปี 2564 ยังหดตัว คาดจะกลับมาเป็นบวกได้เล็กน้อยในไตรมาส 4 หากควบคุมการแพร่ระบาดโควิด19 ได้ นำไปสู่การคลายล็อกดาวน์ช่วงต้นกันยายน ส่งผลเศรษฐกิจไทยปี 2564 ขยายตัว 0.3% ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ 0.9% และหากแผนฉีดวัคซีนคืบหน้า และไม่เกิดการระบาดรุนแรงระลอกใหม่ คาดว่าปี 2565 เศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวที่ 3.2%
ในทางกลับกัน หากยอดผู้ติดเชื้อยังสูงต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกันยายน ต้องขยายการล็อกดาวน์ไปจนถึงสิ้นไตรมาส 3 ปี 2564 และการกระจายวัคซีนที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ 70% ยืดออกไปเป็นไตรมาส 1 ปี 2565 จะฉุดให้เศรษฐกิจปี 2564 หดตัว หรือกล่าวได้ว่าวิกฤตโควิดทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งแรกหลังวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540
ส่งออกแข็งแกร่ง GDP ครึ่งปีแรกโต 2%
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจฯ (สศช.) รายงานจีดีพีไตรมาส 2 กลับมาขยายตัว 7.5% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งเป็นผลจากฐานต่ำที่มีการใช้มาตรการฟูลล็อกดาวน์ และยังขยายตัวได้ 0.4% เมื่อเทียบกับการฟื้นตัวในไตรมาสแรก โดยได้รับผลกระทบจากการกลับมาระบาดของโควิดระลอก 3 ซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศชะลอลงอีกครั้ง โดยเฉพาะการทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนหดตัว 2.5% ซึ่งเป็นผลจากมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดขึ้น การปิดกิจการบางประเภท อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว ทั้งนี้ ในไตรมาสนี้ได้แรงหนุนจากภาคการส่งออกที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องเป็นหลัก ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีแรกยังคงขยายตัวได้ดีกว่าคาด
คาดไตรมาส 3 GDP หดตัวหนัก
เหตุผลกระทบโควิดระลอก 3
ในช่วงต้นไตรมาส 3 สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 รุนแรงมากขึ้นและกระจายเป็นวงกว้าง นำไปสู่การใช้มาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่สีแดงเข้ม รวม 29 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็น 77% ของจีดีพีประเทศ ดังนั้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจจึงได้รับผลกระทบต่อเนื่องและทรุดตัวลง สะท้อนจากเครื่องชี้วัดด้านการเดินทางของ Facebook Mobility Index โดยเฉพาะในจังหวัดที่ล็อกดาวน์ลดลงต่ำกว่าช่วงล็อกดาวน์ทั้งประเทศในการระบาดระลอกแรก และยังมีแนวโน้มที่จะลดลงได้อีกหากมีการขยายช่วงเวลาล็อกดาวน์เพิ่มเติม
นอกจากนี้ การเกิดคลัสเตอร์โรงงานกระจายไปหลายภาคการผลิตอุตสาหกรรมและหลายจังหวัด นำไปสู่ปัญหา Supply Disruption และอาจเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกที่เป็นตัวแปรเดียวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ ทั้งนี้ จากยอดผู้ติดเชื้อรายวันที่ยังคงเพิ่มขึ้นแตะระดับกว่า 2 หมื่นคน ทำให้รัฐขยายระยะเวลาล็อกดาวน์คุมเข้มไปถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เป็นแรงกดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ให้ลดลงอย่างชัดเจน
รุกฉีดวัคซีนกรุงเทพฯ ปริมณฑลได้ 70%
คลายล็อกดาวน์ หวัง Q 4 เศรษฐกิจฟื้น
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics มองเงื่อนไขสำคัญที่นำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ได้แก่ สถานการณ์การระบาดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ซึ่งสมมติฐานที่ใช้ คือยอดผู้ติดเชื้อรายวันจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในระดับ 25,000-30,000 คน ภายในปลายเดือนสิงหาคมนี้ ควบคู่ไปการกระจายวัคซีนสอดคล้องกับยอดผู้ติดเชื้อในพื้นที่ ซึ่งใช้ตัวบ่งชี้เป็น 70% ของประชากรกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ได้รับวัคซีนเข็มแรก
โดยหากประมาณการอัตราฉีดวัคซีน 3 แสนโดสต่อวัน (ค่าเฉลี่ย 7 วันย้อนหลัง) จะสามารถครอบคลุมประชากรในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ 70% ในต้นเดือนกันยายน (จากขณะนี้มีผู้ที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสอยู่ 8 ล้านคน คิดเป็น 54%ของประชากรในกรุงเทพฯและปริมณฑล) ภายใต้การบริหารจัดการวัคซีนที่เป็นไปตามแผนทำให้มีปริมาณวัคซีนรองรับเพียงพอและยอดผู้ติดเชื้อปรับลดลงต่อเนื่อง กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาฟื้นได้ในเดือนตุลาคม 2564 และหากรักษาอัตราการฉีดวัคซีนในระดับนี้ได้ต่อเนื่อง จะเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ใด้ภายในเดือนธันวาคม 2564
ทางด้านการบริโภคภาคเอกชน จะเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น แต่ยังเปราะบางอยู่มากเมื่อมีการปลดล็อกมาตรการปิดกิจการในพื้นที่ควบคุมสีแดง การปิดแคมป์ก่อสร้าง การปิดคลัสเตอร์โรงงาน และเมื่อรวมกับเม็ดเงินจากมาตรการเยียวยาที่คาดว่าจะมีต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือลูกจ้าง แรงงานในกิจการและอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ รวมทั้งเดินหน้าโครงการในแผนงานกระตุ้นเศรษฐกิจของ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่ชะลอไปในช่วงสถานการณ์โควิดโดยมีการเบิกจ่ายเพียง 28% คาดว่าจะช่วยประคองการบริโภคไม่ให้ทรุดหนัก โดยมีแนวโน้มที่จะทรงตัวจากปีก่อนหน้า
ส่วนการลงทุนภาคเอกชนคาดว่ายังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง ทำให้เกิดปัญหาการโยกย้ายแรงงานจากพื้นที่ก่อสร้าง และการชะลอโครงการของภาครัฐบางส่วนโดยเฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวนำร่องด้วยภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ คาดว่าเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวให้เริ่มกลับมา แต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังมีจำนวนไม่มากนัก โดยปรับลดประมาณการนักท่องเที่ยวทั้งปี 2564 อยู่ที่ 1 แสนคน
จากปัจจัยเศรษฐกิจในแทบทุกด้านโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่ยังไม่สามารถกลับสู่ระดับปกติ โดยเป็นเพียงการเริ่มฟื้นตัวจากฐานต่ำในปีก่อนหน้า มีเพียงภาคการส่งออกที่เติบโตได้ โดยคาดว่าทั้งปี 2564 จะโตได้ 9.4% และมาตรการภาครัฐที่เป็นแรงพยุงเศรษฐกิจ แต่โดยรวมก็ไม่สามารถชดเชยกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ลดลงมากได้
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics คาดโมเมนตัมเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ปี 2564 นี้ จะยังหดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และจะกลับมาเป็นบวกได้เล็กน้อยในไตรมาส 4 หลังประเมินการแพร่ระบาดจะสามารถกลับเข้าสู่ระดับควบคุมได้อีกครั้ง ซึ่งนำไปสู่การคลายล็อกดาวน์ในช่วงต้นกันยายน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2564 ขยายตัว 0.3% ลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 0.9%
ทั้งนี้ หากแผนการฉีดวัคซีนคืบหน้าได้ดีต่อเนื่อง และไม่เกิดการระบาดรุนแรงระลอกใหม่ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะกลับมาขยายตัวได้ที่ร้อยละ 3.2 ซึ่งเป็นการฟื้นตัวจากฐานต่ำ
อย่างไรดี หากยอดผู้ติดเชื้อยังคงสูงต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกันยายน ทำให้ต้องขยายการล็อกดาวน์ไปจนถึงสิ้นไตรมาส 3 ปี 2564 นี้ และการกระจายวัคซีนที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ 70% ยืดออกไปเป็นไตรมาส 1 ปี 2565 ขณะที่การส่งออกของไทยอาจได้รับผลกระทบจากการชะลอความต้องการในตลาดอาเซียน โดยเฉพาะอินโดนีเซีย มาเลเซีย จากการใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง จากการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ อาจทำให้การส่งออกของไทยเติบโตลดลงไปที่ 6.6% ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้จะฉุดให้เศรษฐกิจทั้งปี 2564 หดตัว หรือกล่าวได้ว่าวิกฤตโควิดทำให้เราอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งแรกหลังวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540