กรุงไทย ยกระดับ “เป๋าตัง” เชื่อมฟู้ดเดลิเวอรี่ “LINE MAN – Grab”

0
65

“กรุงไทย” ขยายศักยภาพแอปฯ เป๋าตัง ตามเป้าหมาย Thailand  Open Digital Platform เปิดกว้างรองรับทุกการใช้จ่ายของลูกค้า ล่าสุดยกระดับบริการเชื่อมระบบสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ “LINE MAN – Grab” ผ่านโครงการคนละครึ่งบนแอปฯ เป๋าตัง ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่

นายผยง ศรีวณิชกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าธนาคารได้ขยายศักยภาพของแอปฯ เป๋าตัง ให้สามารถรองรับการใช้จ่ายในการสั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ 2 รายใหญ่ คือ แกร็บ (Grab) และ ไลน์แมน( LINE MAN) โดยการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2564 เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และตอบโจทย์ในช่วง Work From Home  พร้อมทั้งสนับสนุนและช่วยเหลือร้านค้าขนาดเล็ก เพิ่มช่องทางการขายและโปรโมตให้ร้านค้าต่างๆ ทำให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น  สามารถประคับประคองกิจการให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ 

“ธนาคารมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันเป๋าตังให้เป็น Thailand  Open Digital  Platform ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร จับมือกับพันธมิตรทุกกลุ่ม ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาบริการต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกกิจกรรมในชีวิต  ทั้งการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน  ด้านสุขภาพ  การศึกษา การออมและการลงทุน  รวมถึงการบริการต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 33 ล้านคน” 

นายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai เปิดเผยว่า หลังจากที่ LINE MAN ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการคลัง ทีมงานได้ดำเนินการยกเครื่องเชื่อมระบบหลังบ้านระหว่างแอปฯ LINE MAN และแอปฯเป๋าตังอย่างไร้รอยต่อ ให้ผู้ใช้สั่งอาหารได้ง่ายและจ่ายง่ายกว่าเดิม โดยสามารถกดจ่ายผ่านแอปฯเป๋าตังได้เลยทันทีเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นที่สุดในการสั่งอาหาร นอกจากนี้ยังได้เตรียมแคมเปญกระตุ้นตลาดครั้งใหญ่  “คุ้มคนละชั้น สั่งคนละครึ่ง”  ทั้งส่วนลดค่าอาหารเพิ่มเติม โค้ดฟรีค่าส่ง และอีกมากมาย เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคและกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม โดยทั้งหมดนี้ LINE MAN ได้ทุ่มเทกำลังเพื่อตอกย้ำภาพความเป็นเบอร์ 1 ในการใช้จ่ายคนละครึ่งผ่านเดลิเวอรี่

ดร. เก่งการ เหล่าวิโรจนกุลผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า  Grab จัดแคมเปญล่าสุด “แกร็บฟู้ด สั่งเถิดชาวไทย” ที่มอบส่วนลดสูงสุด 60% จากร้านค้าทั่วไทยที่เข้าร่วมแคมเปญรวมทั้งสิ้นกว่า 20,000 ดีล ตั้งแต่วันนี้จนถึง 24 ตุลาคม 2564 เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับคนไทย พร้อมยังได้มีมาตรการสนับสนุนร้านค้า ด้วยการปรับค่าคอมมิชชันในอัตราพิเศษสูงสุดไม่เกิน 20% ให้กับร้านค้าที่ร่วมโครงการคนละครึ่ง ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายใช้สอย และส่งเสริมเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ดียิ่งขึ้น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่