การระบาดของไวรัส Covid-19 ยังคงขยายวงกว้างส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนและทั่วโลก ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนสู่ระดับ 5.6% ต่ำสุดในรอบ 3 ทศวรรษ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นซัพพลายเชนจากจีน ที่ผู้ผลิตจีนต้องหยุดการผลิตเพื่อลดการแพร่ระบาด
มูลค่าการค้ารวมของไทยในปีที่ผ่านมาพึ่งพิงตลาดจีนถึง 16% ของการค้ารวม และมีมูลค่าสูง 2.5 ล้านล้านบาท แยกเป็นสัดส่วนการนำเข้า 61% ส่งออก 39% ของมูลค่าการค้าไปจีนรวม ชี้ว่าผลกระทบจากการชัตดาวน์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อ ซัพพลายเชนการค้ากับจีนฝั่งผู้นำเข้ามากกกว่าผู้ส่งออก
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ประเมินผลกระทบต่อภาคการค้าไทย-จีนจากการที่รัฐบาลจีนใช้มาตรการเข้มงวดชัตดาวน์ประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด จะทำให้ครึ่งปีแรกของปี 2563 มูลค่าการค้าไทยไปจีนลดลงราว 2.4 แสนล้านบาท หรือหดตัว 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 1.6% ของมูลค่าการค้ารวม และประเมินว่าสถานการณ์การค้าไทยจะค่อยๆ ฟื้นตัวได้ประมาณครึ่งปีหลัง ตามการคาดการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่ค่อยๆ ลดความรุนแรงลง
โดยสินค้าส่งออกที่จะได้รับผลกระทบสูง เป็นกลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูปและสินค้าอุตสาหกรรมที่เป็นวัตถุดิบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของเกษตรกรและแรงงานที่อยู่ในภาคการผลิตสินค้าวัตถุดิบที่เน้นส่งออกไปยังตลาดจีน ได้แก่ เคมีภัณฑ์ (ลดลง 22.7 พันล้านบาท) ยางพารา (ลดลง 15.2 พันล้านบาท) และสินค้าเกษตร (ลดลง 8.0 พันล้านบาท)
ขณะที่สินค้านำเข้าที่จะได้รับผลกระทบจากจีนหยุดผลิตหรือไม่สามารถขนส่งสินค้าได้ เป็นสินค้าสำเร็จรูปที่นำเข้ามาบริโภคในประเทศ และส่วนหนึ่งเป็นสินค้าวัตถุดิบต้นทุนต่ำ ที่ผู้ประกอบการนำเข้ามาเพื่อผลิตแล้วขายในประเทศหรือส่งออกต่อ ได้แก่ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ (ลดลง 53.4 พันล้านบาท) เครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วน (ลดลง 26.8 พันล้านบาท) และเครื่องจักรและชิ้นส่วน (ลดลง 15.9 พันล้านบาท)
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกผู้ผลิตที่นำเข้าวัตถุดิบจากจีนจำเป็นต้องมองหาแหล่งนำเข้าอื่นๆ เพื่อมาชดเชย โดยประเมินว่าไตรมาสแรกการผลิตในจีนจะหดตัวอย่างมาก และกระทบต่อเนื่องถึงไตรมาสสอง แต่การผลิตในระยะสั้นๆยังพอผลิตสินค้าได้จากสต๊อกของวัตถุดิบที่ยังคงเหลือ และอาจหันไปสั่งซื้อจากซัพพลายเชนประเทศอื่นๆทดแทน ซึ่งทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
สำหรับผลกระทบต่อผู้ประกอบการ จากการวิเคราะห์ผ่านโครงสร้างรายได้การส่งออกและนำเข้าปี 2562 โดยใช้เกณฑ์คัดเลือกผู้ได้รับผลกระทบมีสัดส่วนการค้าพึ่งพิงตลาดจีนสูงกว่า 30% ขึ้นไป พบว่าผู้ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จะเป็นผู้นำเข้า ซึ่งกว่า 90% ของจำนวนผู้ค้าขายกับจีนจะเป็นกิจการ SMEs ซึ่งได้รับผลกระทบคิดเป็นสัดส่วน 33% ของมูลค่าการค้าไปจีน ขณะที่ 10% ของจำนวนผู้ค้าขายกับจีน เป็นกิจการขนาดใหญ่ ซึ่งหากคิดเป็นผลกระทบเชิงมูลค่าการค้า คิดเป็นสัดส่วนถึง 67% ของมูลค่าการค้ารวมไปจีน
ทั้งนี้ TMB Analytics ประเมินว่าสถานการณ์การค้ากับจีนจะเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ตามการคาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดของ Covid-19 จะค่อยๆลดความรุนแรง อย่างไรก็ตามหากการแพร่ระบาดยืดเยื้อจนทำให้ภาคการผลิตจีนชัตดาวน์ออกไปเกินกว่าครึ่งปีแรก คาดว่าจะส่งผลต่อซัพพลายเชนในประเทศ ทำให้วัตถุดิบขาดแคลน ทำให้ผู้ผลิตที่พึ่งพิงการนำเข้าวัตถุดิบจากจีนมีต้นทุนการนำเข้าจากแหล่งอื่นที่สูงขึ้น จนทำให้ผู้ผลิตบางกลุ่มรับไม่ไหว ชะลอการผลิตออกไป ทำให้รายได้ของกิจการลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังการจ้างงานในประเทศ