ธ.ก.ส. เริ่มประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 คุ้มครอง 7 ภัยธรรมชาติและศัตรูพืช วงเงิน 1,190 บาทต่อไร่

0
17

ธ.ก.ส. เดินหน้าโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 ตามมติครม. สร้างภูมิคุ้มกันให้เกษตรกรปลูกข้าว บริหารจัดการความเสี่ยงด้านการผลิตได้อย่างยั่งยืน โดยให้ความคุ้มครอง 7 ภัยธรรมชาติและภัยศัตรูพืช วงเงินคุ้มครอง 1,190 บาทต่อไร่  โดยรัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการไร่ละ 65 – 69 บาท กรณีเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย  ตั้งเป้าพื้นที่การเกษตรกว่า 21 ล้านไร่ เกษตรกรผู้ได้รับประโยชน์กว่า 600,000 ราย  ทั่วประเทศ

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 ว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 เพื่อการลดความเสี่ยงและสร้างภูมิคุ้มกันด้านการผลิตให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้ประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน สานต่อความช่วยเหลือเกษตรกรไทย ด้วยการใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ  

โดยให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ 7 ภัย ได้แก่ ภัยน้ำท่วม-ฝนตกหนัก, ภัยแล้ง-ฝนแล้ง-ฝนทิ้งช่วง, ลมพายุ-พายุไต้ฝุ่น, ภัยอากาศหนาว-น้ำค้างแข็ง, ลูกเห็บ, ไฟไหม้ และช้างป่า วงเงินคุ้มครอง จำนวน 1,190 บาทต่อไร่ และกรณีเกิดภัยศัตรูพืช/โรคระบาด วงเงินคุ้มครอง 595 บาทต่อไร่  เป้าหมายพื้นที่กว่า 21 ล้านไร่ เกษตรกรผู้รับประโยชน์กว่า 600,000 ราย 

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งปรับปรุงข้อมูลเกษตรกับกรมส่งเสริมการเกษตร (ทบก.) ในปีการผลิต 2567/68 โดยการประกันภัยขั้นพื้นฐาน (Tier 1) เกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ที่มีสถานะหนี้ปกติไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย เนื่องจากรัฐบาลสนับสนุนค่าเบี้ยประกันให้ (พร้อมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) และ ธ.ก.ส. ร่วมอุดหนุนให้ฟรี สูงสุดไม่เกิน 30 ไร่ต่อราย

สำหรับเกษตรกรปลูกข้าวทั่วไป รัฐบาลสนับสนุนค่าเบี้ยประกันภัยตามพื้นที่ความเสี่ยง ได้แก่ พื้นที่เสี่ยงต่ำ พื้นที่ความเสี่ยงปานกลาง และพื้นที่ความเสี่ยงสูง (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ให้กับเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการทุกราย ตั้งแต่ 65 – 69 บาทต่อไร่ (พร้อมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม)  ซึ่งเกษตรกรสามารถทำประกันภัยส่วนเพิ่ม (Tier 2) ในอัตรา 27 – 110 บาทต่อไร่ ตามพื้นที่ความเสี่ยง โดยจะได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้นอีก 240 บาทต่อไร่ กรณีภัยศัตรูพืชและโรคระบาดคุ้มครองเพิ่ม 120 บาทต่อไร่ 

นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีเกิดภัยพิบัติและพื้นที่ได้รับการประกาศเขตภัยพิบัติฯ ทำให้พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย เกษตรกรผู้ทำประกันสามารถแจ้งความเสียหายที่สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจะรวบรวมข้อมูลความเสียหายและส่งไปยังสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อประเมินความเสียหาย และเมื่อตรวจสอบครบถ้วนแล้ว สมาคมฯ จะพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขผ่านระบบ ธ.ก.ส. ภายใน 15 วัน โดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรโดยตรง นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถบันทึกข้อมูล     ความเสียหายผ่านแอปพลิเคชัน “มะลิซ้อน” เพื่อให้สมาคมประกันวินาศภัยไทยใช้พิจารณาให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ภัยพิบัตินอกเขตประกาศตามเกณฑ์เพิ่มเติมต่อไป

ทั้งนี้ ในปีการผลิต 2565 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปีไปแล้วกว่า 1.9 ล้านราย พื้นที่รวมกว่า 26.7 ล้านไร่ และมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนในโครงการประกันภัยข้าวนาปีให้เกษตรกรไปแล้ว 137,823 ราย คิดเป็นพื้นที่การเกษตรกว่า 1.4 ล้านไร่ 

เกษตรกรทั่วไปและลูกค้า ธ.ก.ส. เข้าร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 (ยกเว้น 14 จังหวัดภาคใต้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567) และเลือกซื้อประกันภัยอื่นๆ ที่ให้ความคุ้มครองได้อีกมากมาย ผ่านแอปพลิเคชัน A Insure พร้อมชำระค่าเบี้ยประกันภัยได้อย่างสะดวกและรวดเร็วบนแอปพลิเคชัน BAAC Mobile หรือ Mobile banking ธนาคารอื่นๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ www.baac.or.th หรือ Call Center 02 555 0555