บัวหลวงเวนเจอร์ส ร่วมลงทุนเอส เทลลิเจนซ์ (STelligence) ผู้ให้บริการ Digital Transformation และเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูล ชี้เทรนด์ธุรกิจสดใส ผู้ประกอบการวิ่งหาโซลูชั่น ช่วยอัปเกรดกระบวนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง หนุนลูกค้าธนาคารปรับตัว คว้าโอกาสรุกตลาดยุคดิจิทัล
นายกฤษณ์ พันธ์รัตนมาลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัวหลวงเวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า บัวหลวงเวนเจอร์สลงทุนใน บริษัท เอส เทลลิเจนซ์ จำกัด เพื่อสนับสนุนธุรกิจให้เติบโตแข็งแรง โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมยุคใหม่มาประยุกต์ใช้กับกระบวนการทำงานภายใน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ยกระดับความปลอดภัย รวมถึงนำข้อมูลต่าง ๆ มาประมวลผลเพื่อวิเคราะห์เชิงลึกและต่อยอดด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ
“ที่ผ่านมาหลายธุรกิจเก็บ Big Data อย่างต่อเนื่อง แต่ยังต้องการโซลูชั่นที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลให้ออกมาเป็นกลยุทธ์และแผนดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งธุรกิจไทยมีแนวโน้มเพิ่มการลงทุนด้านไอทีและเทคโนโลยีสูงขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่การทำ Digital Transformation จำเป็นต้องอาศัยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีที่บัวหลวงเวนเจอร์ส ได้ร่วมลงทุนและเป็นพันธมิตรกับบริษัท เอส เทลลิเจนซ์ จำกัด”
ทั้งนี้ นอกจากเงินลงทุนแล้ว บัวหลวงเวนเจอร์สจะมีตัวแทนของผู้ลงทุนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจและติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท โดยเฉพาะในเรื่องการพัฒนาระบบการควบคุมภายในและหลักธรรมาภิบาล รวมถึงการเตรียมความพร้อมให้กับ เอส เทลลิเจนซ์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทย ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งมิติที่บัวหลวงเวนเจอร์ส สามารถช่วยส่งเสริมให้ เอส เทลลิเจนซ์ เติบโตได้อย่างมั่นคงอีกด้วย
“การร่วมลงทุนครั้งนี้ บัวหลวงเวนเจอร์ส มองถึงแนวทางการพัฒนาความร่วมมือกับทางกลุ่มธนาคารกรุงเทพ เพื่อนำเสนอบริการด้าน Digital Transformation และ Data Analytics ต่าง ๆ ให้แก่กลุ่มลูกค้าของธนาคารกรุงเทพ ที่มีทั้งลูกค้าธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ต้องการใช้บริการระบบงานไอทีและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งยิ่งเสริมศักยภาพการทำตลาดของ เอส เทลลิเจนซ์ ให้เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายในหลากหลายอุตสาหกรรม” นายกฤษณ์ กล่าว
ดร. สันติสุข ลิ้มปิติเจริญโชติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอส เทลลิเจนซ์ จำกัด ผู้ให้บริการด้านไอทีที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Data Technology และ Digital Transformation กล่าวว่า STelligence วางแผนนำเงินจากการระดมทุนไปขยายธุรกิจและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน เพื่อรองรับการเติบโตและเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต โดยจะลงทุนพัฒนาโซลูชั่นรูปแบบใหม่ที่ใช้งานง่าย แก้ไขปัญหาได้จริง และการบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธนาคาร อุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงองค์กรขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ด้วยศักยภาพระบบการวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำ มีความเป็นมืออาชีพ สามารถดึงข้อมูลมาใช้วางแผนกลยุทธ์ได้หลากหลาย เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่ธุรกิจ สนับสนุนให้ธุรกิจไทยเติบโตแข็งแกร่งในยุคดิจิทัล

โดยมีแผนในการขยายกิจการ 3 ด้าน คือ
- ยกระดับศักยภาพการให้บริการ ทักษะ และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกยุค Digital First หรือ AI First ที่กำลังมาถึง
- ขยายพันธมิตรธุรกิจให้กว้างขวางและหลากหลายขึ้นเพื่อต่อยอดกับจุดแข็งเดิมของบริษัทในด้าน Data Analytics, Automation, และ Cybersecurity โดยมุ่งสร้าง ecosystem ที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
- พัฒนาการให้บริการด้านดิจิทัลรูปแบบใหม่ๆ เช่น การให้บริการด้านคลาวด์ (Cloud Computing) เพื่อสนับสนุนการทำ Digital Transformation ในองค์กรได้อย่างรวดเร็ว การนำ Artificial Intelligence (AI) เข้ามาประยุกต์ใช้ในองค์กรเพื่อสร้าง AI Transformation เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจให้กับองค์กร หรือการผนวกเอา AI และ Automation เข้ามาช่วยงานบริการด้าน Cybersecurity ที่เพิ่มประสิทธิภาพด้านการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ให้สูงขึ้น
“เราตั้งเป้าเติบโตก้าวกระโดด ใน 5 ปี โดยเร่งสร้างบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆด้านเทคโนโลยีที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วในโลกปัจจุบัน เพื่อสร้างคุณค่าทางธุรกิจให้ทั้งลูกค้าและคู่ค้า ตลอดจนพัฒนาทีมงานให้มีทักษะดิจิทัล (Digital Skill) ใหม่ๆเข้าสู่ตลาด เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรและสังคมไทยต่อไปในระยะยาว” ดร.สันติสุข กล่าวสรุป