ลลิล เปิดตัว 6-8 โครงการใหม่ บุกอสังหาฯแนวราบ พร้อมปรับองค์กรสู่ดิจิตอล ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

0
10

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้  โครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” มองปี 2568 เป็นโอกาสของตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยเฉพาะกลุ่ม Real Demand เตรียมเปิดตัว 6-8 โครงการ มูลค่ารวม 4,000 – 5,000 ล้านบาท พร้อมปรับกลยุทธ์การตลาดผ่าน Digital Transformation, Big Data และ CRM ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ มุ่งสู่องค์กรคล่องตัวและเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “National Property Company” และแนวทาง ESG ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN  เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะเติบโตจาก 2.7% เป็น 2.9%  ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลักคือ ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 40 ล้านคน การเพิ่มขึ้นของการลงทุนของภาครัฐและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่ขยายตัวมีการลงทุนใหม่ ๆ และอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับลดลง  จึงเป็นปีแห่งโอกาสของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  จึงเตรียมเปิดโครงการใหม่ 6-8 โครงการ มูลค่ารวม 4,000-5,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 5,000 ล้านบาทและรับรู้รายได้ 4,050 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น สงครามการค้า (Trade War) ที่กลับมารุนแรง ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risk) ความเสี่ยงจากแนวโน้มการขยายตัวต่ำกว่าคาดของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก แนวโน้มการชะลอตัวของภาคเศรษฐกิจจีน และภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูงยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตา

สำหรับปี 2568 ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “Year of Competitive Survival with Quality, Lean and Innovation for Resilience & Sustainable Growth” เพื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจ ทั้งด้านการตลาดแบบ Lifestyle & Experience Marketing, การใช้ Big Data เพื่อเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค และการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยผู้ซื้อในกลุ่ม Real Demand ต้องการบ้านที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ยืดหยุ่นขึ้น เช่น การมีพื้นที่ Work from Home พื้นที่สีเขียว และบ้านแนวคิด Green Living Standard ซึ่งลลิล ให้ความสำคัญและนำมาพัฒนาโครงการใหม่ๆมาอย่างต่อเนื่อง   รวมถึงการปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตอบโจทย์ด้วย Lifestyle & Experience Marketing และใช้เทคโนโลยี นำ Digital Marketing, Brand Collaboration, CRM และ Big Data เป็นองค์ประกอบสำคัญ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

โดยปีนี้ ลลิล ปรับองค์กรให้เป็น Agile Organization ผ่านกระบวนการ Digital Transformation นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีความยืดหยุ่น (Flexible) คล่องตัว (Agile) และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยมุ่งใน 2 ด้านหลัก คือ Design & Innovation ออกแบบบ้านที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ ทั้งด้านความสวยงาม ฟังก์ชันการใช้งาน และการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ใช้วัสดุและเทคโนโลยีก่อสร้างที่มีนวัตกรรมล้ำสมัย เพื่อให้บ้านมีความทนทานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

“เทคโนโลยีทำให้กระบวนการทำงานยืดหยุ่น คล่องตัว สามารถ Design & Innovation พื้นที่ให้เหมาะกับการใช้ชีวิตยุคดิจิทัล มีพื้นที่สำหรับการใช้ชีวิตแบบ Hybrid Smart & Flexible Function สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ทั้งการทำงานที่บ้าน การเรียนออนไลน์ หรือการพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว เป็นแนวคิดที่ยกระดับมาตรฐานโครงการ ตอบสนองต่อเทรนด์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และทำให้โครงการของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ โดดเด่นสามารถแข่งขันได้” นายชูรัชฏ์ กล่าวสรุป