เคทีซี ปรับกลยุทธ์สู้ศึก Infinite Game ตั้งธงผู้นำสินเชื่อเบ็ดเสร็จครบวงจร

0
314

วิกฤติโควิด-19 ส่งผลให้มีมาตรการต่างๆออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้ผลตอบแทนจากการดำเนินธุรกิจลดลง ขณะที่ความเสี่ยงในตลาดเพิ่มมากขึ้น กระตุ้นให้เคทีซีต้องเร่งปรับแผนยุทธศาสตร์ในปี 2564  แบบก้าวกระโดด เพื่อสร้างโอกาสธุรกิจใหม่ให้เติบโตได้มากขึ้นและเร็วขึ้น 

2564 ลุย New S-curve

สินเชื่อมีหลักประกัน&ลีสซิ่ง

นายระเฑียร ศรีมงคล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เคทีซี เข้าสู่ตลาด “สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ” ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์ “KTC พี่เบิ้ม” เมื่อปลายในปี 2563 ซึ่งสินเชื่อมีหลักประกันมีความเสี่ยงน้อยกว่าสินเชื่อไม่มีหลักประกัน   และให้ผลตอบแทนรวดเร็วสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะมีเจ้าตลาดและผู้เล่นอยู่แล้วหลายราย  แต่ยังมี Pain Point และมีโอกาสที่จะเป็น New S-curve ด้วยจุดแข็ง ให้วงเงินใหญ่สูงสุด 7 แสนบาท  แม้อัตราดอกเบี้ย 21% จะสูงกว่าคู่แข่งในตลาดที่คิด 18% แต่ไม่มีผลต่อการตัดสินใจ  เพราะวงเงินใหญ่ของ “KTC พี่เบิ้ม” ตอบโจทย์ลูกค้าได้       

ทั้งนี้โมเดลการตลาดจะเน้นผ่านระบบออนไลน์  โดยมีทีมงาน “พี่เบิ้ม Delivery” ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับลูกค้า ตามสถานที่ต่างๆที่ลูกค้านัดหมาย  ทุกขั้นตอนการทำงานผ่าน Aplication จึงอนุมัติไว พร้อมรับเงินภายใน 2 ชั่วโมง  โดยในปีนี้จะขยายพื้นที่ให้บริการไปต่างจังหวัดมากขึ้น เริ่มต้นที่ภาคตะวันออก ภาคเหนือตอนบนและภาคใต้ตอนบน  โดยร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจและธนาคารกรุงไทยในการขยายฐานสมาชิกและออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ๆ  โดยตั้งเป้ายอดสินเชื่อไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังได้เข้าถือหุ้นในบริษัท กรุงไทยธุรกิจ ลีสซิ่ง จำกัด หรือ เคทีบี ลีสซิ่ง ในสัดส่วน 75.05%  เตรียมการธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งทุกประเภท เพื่อต่อยอดและขยายขอบเขตธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกันอย่างครบวงจร โดยใช้ประโยชน์จากสาขาและฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิม  โดนเตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายน  จากนั้นรออนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  แล้วจึงดำเนินการโอนหุ้น  จากนั้นเคทีซีจึงจะเข้าไปวางแผนงานได้เต็มตัว   โดยเบื้องต้นคาดว่าสิ้นเดือนเมษายน 2564 จะสามารถเริ่มโอนหุ้นได้

คุมเข้มคุณภาพธุรกิจเดิม

สำหรับธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล  นายระเฑียร เปิดเผยว่า มุ่งเน้นการรักษาคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ที่ดี และรักษาฐานสมาชิกปัจจุบันด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์   รวมทั้งให้ความสำคัญกับระบบปฏิบัติการและระบบไอทีที่มีเสถียรภาพ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยและมั่นใจทุกครั้งที่ทำรายการธุรกรรม 

โดยในส่วนของธุรกิจบัตรเครดิต ตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านในปี 2564  บัตรเติบโต 8% หรือประมาณ 210,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ลดลง 7.7% ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในเดือนมีนาคม และคาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อย ๆ จนกลับไปใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โดยยังใช้คะแนน KTC FOREVER ขับเคลื่อนกิจกรรมการตลาด เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการใช้จ่ายผ่านบัตร  การขยายความเครือข่ายพันธมิตรคู่ค้า เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรและสนับสนุนการเติบโตของพันธมิตรด้วยผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ โดยเน้นส่งเสริมการตลาดออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้บัตรที่เปลี่ยนจากใช้เงินสดมาจ่ายผ่านบัตรเครดิต

ทั้งนี้ การขยายฐานสมาชิกบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด “Ktc Proud” จะให้ความสำคัญกับการคัดกรองผู้สมัครมากขึ้น เพื่อให้ได้กลุ่มลูกค้าคุณภาพที่ต้องการสินเชื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและมีวินัยทางการเงิน ลดความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันและอัตราหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงอยู่  โดยผ่าน 4 ช่องทางหลัก คือ ธนาคารกรุงไทย ผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินเคทีซี (อิสระ) ทั่วประเทศ เคทีซี ทัช ทุกสาขา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทางโทรศัพท์ โดยตั้งเป้าจำนวนสมาชิกใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา คือบัครเครดิต 235,000 ราย และบัตรกดเงินสดเคทีซี พราว 135,000 ราย

“การคัดกรองผู้สมัครมากขึ้น ส่งผลให้การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในปีนี้ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ของปีก่อน ที่มีการตั้งสำรองเพื่อรองรับหนี้เสียที่อาจเกิดขึ้นไว้ค่อนข้างสูง  และได้ทำการตัดจำหน่ายหนี้ (Write-off) ในไตรมาส 3  ราว 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูก และเชื่อว่าในปีนี้จะสามารถทำกำไรสุทธินิวไฮได้”นายระเฑียรกล่าว

ตลาดสินเชื่อบุคคลไม่หวือหวา

เน้นรักษาฐานลูกค้าคุณภาพ

นางพิชามน  จิตรเป็นธรรม ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – ธุรกิจสินเชื่อบุคคล เปิดเผยว่า หลังการระบาดโควิด19 ความสามารถในการชำระคืนของลูกค้าถดถอยลง  อัตราการตกงานยังสูง  และจากรายงานตัวเลขอุตสาหกรรรมสินเชื่อส่วนบุคคลของธนาคารแห่งประเทศไทยปี 2563 อัตราการเติบโต -5.2% โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ -11%  ดังนั้นตลาดโดยภาพรวมจึงไม่หวือหวาเหมือนที่ผ่านมาที่เคยเติบโตปีละ 2 ดิจิต

สำหรับเคทีซีจะให้ความสำคัญกับคุณภาพลูกหนี้มากกว่าการเติบโต  โดยรักษาลูกค้า Ktc Proud 8 แสนบัญชี พอร์ตสินเชื่อ 27,000 ล้านบาท  ซึ่งจุดเด่นของ Ktc Proud คือทำสัญญาครั้งเดียวสามารถ Rovolving ได้ตลอด และแคมเปญ เคลียร์หนี้ ที่ทำมาแล้ว 12 ซีซั่น วงเงินปีละ 4-5 ล้านบาท  ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเชื่อมั่นและอยู่กับเคทีซีมาโดยตลอด  รวมไปถึงการจัดสัมมนา Financial Literlacy ฝึกทักษาะความรู้วิชาชีพ  ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 แล้ว  

“จากเดิมที่เคยเป็น Rising Star เมื่อ ธปท.ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลทั้งระบบจาก 28% มาอยู่ที่ 25% จึงต้องปรับกระบวนทัพใหม่ ด้วย Approve Rate ที่เข้มข้นและคัดกรองลูกค้ามากขึ้น  ซึ่งหลังจากเดือน สิงหาคม 2563คุณภาพลูกหนี้ดีขึ้น อัตราผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้ใหม่ๆน้อยลงมาก ” นางพิชามนกล่าว

สร้างวัฒนธรรมเรียนรู้ในองค์กร

พัฒนาคนพร้อมรับ Infinite Game

นายระเฑียร กล่าวว่า  เคทีซีมีแผนรีเอ็นจิเนียริ่งองค์กรตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด 19 ซึ่ง ตอนนั้นไม่คิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจ เช่นการลดอัตราดอกเบี้ย  เคทีซีจึงต้องปรับแผนค่อนข้างมาก  เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งใจว่าเมื่อถึงวันครบวาระ เคทีซีจะต้องดีกว่าเดิม 

ทั้งนี้ได้ปรับแผนการทำงาน โดยเปิดโอกาสคนรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพ ขณะที่ผู้บริหารเดิมจะทำหน้าที่เป็นโค้ช  ซึ่งจากนี้ไปจะได้เห็นการทยอยปรับผู้บริหารขึ้นเป็นโค้ช  พร้อมดันคนรุ่นใหม่ที่มีความพร้อมขึ้นมาบริหารงานแทน ตัวอย่างเช่น พิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจสินเชื่อบุคคล  และ เรือนแก้ว  เกษมสวัสดิ์ศรี ผู้อำนวยการ-ธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ “เคทีซี พี่เบิ้ม” ซึ่งจะให้โอกาสคนในองค์กรก่อน  ยกเว้นกรณีมีโครงสร้างใหม่ๆที่เรายังไม่แข็งแรงพอจำเป็นต้องใช้คนนอกที่มีความรู้  แต่เป็นคนนอกที่มีเลือดเดียวกับเรา คิดเหมือนเรา  มีวิธีคิดเหมือนเรา  ซึ่งต้องได้เห็นแน่นอน 

“ผมเชื่อมั่นในโค้ชและพนักงานของผม  โดยเฉพาะโค้ช เขาผ่านสนามและปัญหาต่างๆมามาก มีสกิลในการบริหารพาร์ตเนอร์ที่เป็นทั้งพันธมิตรและคู่แข่ง  ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญในการให้คำปรึกษาภาพรวมธุรกิจและการแข่งขัน  ผู้บริหารรุ่นใหม่จะได้ระวังว่าเคสแบบนี้อาจทำให้บาดเจ็บ  เคสนี้รุนแรงอาจถึงขึ้นพิการได้  โค้ชของผมมองภาพกว้าง โดยมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์สูงสุดให้กับผู้บริหารที่คลุกอยู่วงใน ที่วันนี้แค่หลบหมัดในสนามก็เหนื่อยพอแล้ว”

นอกจากนี้ ยังสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ในองค์กร เพื่อพัฒนาคนเคทีซีให้พร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงและการขยายธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดิจิทัล การรีสกิลและอัพสกิลเนื้องาน โดยพนักงานสามารถสมัครเพื่อรับการคัดเลือกเรียนรู้ผ่านคอร์สต่างๆ  ทำให้พนักงานและผู้บริหารเคทีซีพร้อมที่จะเรียนรู้  พัฒนาในสิ่งที่ถูกและแก้ไขไม่ทำผิดซ้ำ  หรือถ้าจะผิดก็ผิดในเรื่องใหม่ และบอกได้ว่าผิดเพราะอะไร    

“นี่คือการเตรียมพร้อมสำหรับ Infinite Game  คือการทำให้องค์กรสามารถอยู่ต่อไปได้อีกยาวนาน เราไม่ได้แพ้-ชนะแค่วันนี้  แต่เรากำลังรบอยู่กับสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด  โปรโมชั่นเกิดทุกวัน สารพัดแคมเปญที่ต้องแก้เกมกันตลอดเวลา   การแข่งขันเกิดทุกวัน    วันนี้เป็นพันธมิตรพรุ่งนี้อาจเป็นคู่แข่ง เป็นพันธมิตรกับบางคนในบางเรื่อง เช่นเดียวกับการเป็นคู่แข่งกับบางคนในบางเรื่อง”

“สิ่งที่เราทำวันนี้คือวัดว่าวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน  พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้  คนอื่นอาจจะเก่งกว่าเรา แต่พรุ่งนี้เราต้องดีขึ้นเรื่อยๆ

Infinite Game ต่างจาก Finance Game ตรงนี้” นายระเฑียรกล่าวสรุป

ออกหุ้นกู้ 12,000 ล้านบาท

คุมต้นทุนทางการเงิน

นายระเฑียร  กล่าวเพิ่มเติมว่า ความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้เคทีซียังต้องประเมินผลกระทบต่อเนื่องเป็นระยะ โดยคาดว่าสภาพคล่องส่วนเกินในตลาดยังมีอยู่ และอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ  ดังนั้นจึงมีแผนจัดสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นมากขึ้น และระดมเงินกู้ยืมระยะยาวไม่เกิน 12,000 ล้านบาท ในช่วงอายุที่สั้นลงจากเดิม เพื่อรองรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในปี 2564 และการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ โดยจะเน้นการบริหารต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นสำคัญ  ซึ่งในปี 2563 ต้นทุนทางการเงินปี 2563 อยู่ที่ 2.7%  และจะปรับลดลงในปีนี้   รวมไปถึงการบริหารพอร์ตลูกหนี้โดยรวมให้มีคุณภาพที่ดี โดยคาดว่าในปี 2564 บริษัทฯ จะมีอัตราการเติบโตของกำไรในระดับที่ยอมรับได้และดีกว่าปีที่ผ่านมา

ปี 2564 Go Digital  

นายวุฒิชัย เจริญผล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ไอที เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับพื้นฐานด้านโครงสร้างด้านไอทีให้เหมาะสมกับการก้าวไปข้างหน้าและรุกธุรกิจได้มากขึ้น  โดยทำเป็นระบบอย่างต่อเนื่องตามแผน IT ROADMAP ที่กำหนดไว้แผนละ 3 ปี  โดยปีนี้ 2564 จะ Go Digital  ซึ่งปีนี้จะเป็น Stage สุดท้ายในการ Improve Data Center  เพื่อให้หลังบ้านแข็งแรง พร้อมสำหรับการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นต่อไป 

สำหรับการทำ Digital Transformation หัวใจสำคัญที่สุดคือ พนักงาน จึงได้กำหนดกรอบดำเนินการภายใต้ 3 แกนหลัก คือ  Digital  Product,  Digital Service และ Digital Channel เพื่อให้พนักงานรู้เป้าหมาย  มีการเทรนนิ่งปรับเปลี่ยน mindset ให้เข้าใจการทำงานมากขึ้น และในปี  2564 จะเข้มข้นมากขึ้น  โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดี ในการใช้งานให้กับลูกค้า   เพราะเมื่อโควิด19จากไป  ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ

“ปีนี้จะโฟกัสที่ Aplication  ซึ่งยังอยู่ระหว่างการศึกษาว่าควรทำอะไร  อย่างไร  ซึ่งช่วงที่ผ่านมามีการนำ Cloud Service มาใช้ใน KTC-Mobile เว็บไซต์  และ KTC ออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์เรื่องบริการลูกค้า  ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ต้องมีการพัฒนาต่อไป”  

นอกจากนี้ยังเปลี่ยนความคิดในเรื่องทำโมเดล  จากเดิมที่ทำทุกอย่างให้เสร็จสมบูรณ์แล้วค่อย Implement เช่น KTC-Mobile ที่ทำโปรเจ็คนานถึง 2 ปี แล้ว Implement ซึ่งไม่ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป  จากนี้จะปรับเป็นการ Implement พร้อมกับปรับปรุงพัฒนาไปด้วยกัน  ซึ่งจะมีโปรดักส์ใหม่ออกมาเร็วๆนี้  โดยเวอร์ชั่นแรกอาจจะไม่สวยงามมากนัก แต่จะปรับปรุงให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่