“แรบบิท แคร์ ชู CareOS ระบบปฎิบัติการความแคร์” สะดวก เร็ว ง่าย หวังตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์

0
273

นายไมเคิล มันเฟรด สไตรเบิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แรบบิท แคร์ โบรคเกอร์ จำกัด (Rabbit Care) เปิดเผยว่า นับเวลา 10 ปีที่ผ่านมา แรบบิท แคร์ โบรกเกอร์ เป็นผู้นำแพลตฟอร์มโบรกเกอร์ประกันภัย (InsurTech) และผลิตภัณฑ์ด้านการเงิน (FinTech) ออนไลน์ของประเทศไทย ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบและซื้อประกันภัยและผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้อย่างสะดวกสบายและครบวงจร โดยลูกค้าสามารถค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการแบบเฉพาะบุคคลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วย CareOS เทคโนโลยีระบบปฏิบัติการเฉพาะของ แรบบิท แคร์ ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้งบประมาณกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีโครงสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมให้บริการจากพันธมิตรสองส่วนนี้อยู่ที่สัดส่วน 50:50%

ทั้งนี้ใน 2565 บริษัทได้ แรบบิท แคร์ตั้งเป้า-เบี้ยประกันรายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 57.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา มีเบี่้ยประกันภัยที่ 1,900 ล้านบาท โดยในช่วง 8 เดือนแรกที่ผ่านมามีเบี้ยประกันภัยมากถึง 2 พันล้านบาท  และยังได้รับผลตอบรับอย่างดี จากแพล็ตฟอร์มการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยการเติบโตแบบปีต่อปี (YoY) ที่เพิ่มขึ้นกว่า 200% โดยมีเทคโนโลยี CareOS เป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ

นอกจากนี้ในส่วนของการให้บริการสินเชื่อและบัตรเครดิต ล่าสุดปีนี้บริษัทได้เปิดบริการใหม่ เป็นการเปรียบเทียบบัตรเครดิตที่เป็นฟีเจอร์ คัดบัตรจากการกรอกข้อมูลเพื่อแมตชิ่งให้ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละรายได้เลย ถือเป็นรายแรกในประเทศไทย โดยเมื่อลูกค้าสมัครบัตรเครดิตจะมีพนักงานติดต่อกลับภายใน 1-3 วันทำการ โดยในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. 65 ได้ทำ flash sale campaign มีการอนุมัติบัตร (Approve Rate) จากพันธมิตร CITI กระโดดขึ้นไปกว่า 5 เท่า โดยเนื่องจากก่อนการส่งข้อมูลไปให้แบงก์ บริษัทจะมีการมีตัวสกรีนข้อมูลผ่านการให้คะแนนไปก่อนด้วย ซึ่งในปีนี้ในส่วนของ บัตรเครดิต บริษัทตั้งเป้าหมายภายในสิ้นปี 2565 นี้จะมียอดการสมัครบัตรเครดิตกว่า 300,000 ใบ ปัจจุบัน บริษัทได้จับมือกับ 6 สถาบันการเงิน ประกอบด้วย KTC, KBANK, TTB, CITI, BBL และ Aamerican Express และในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าจะเพิ่มพันธมิตรเข้ามาอีก 2-3 ราย

นายชยพัทธ์ สกุลร่มโพธิ์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเชิงพาณิชย์ กล่าวถึงส่วนงานด้านผลิตภัณฑ์ประกันภัยว่า แรบบิท แคร์มีผลิตภัณฑ์แผนประกันและสินเชื่อที่หลากหลายครอบคลุมมากกว่า 40,000 แผนประกัน, ผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากกว่า 50 ตัวเลือก จากพาร์ทเนอร์รวมมากกว่า 50   บริษัทชั้นนำ 

ในผลิตภัณฑ์หมวดหมู่ประกันเรามีความครอบคลุมตั้งแต่ ประกันรถยนต์ ซึ่งเป็นเซกเมนต์ผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของแรบบิท แคร์, ประกันอุบัติเหตุ, ประกันโรคร้ายแรง, ประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ, ประกันสัตว์เลี้ยง, ประกันการเดินทาง, ประกันกีฬาผาดโผน, ประกันสำหรับกลุ่มธุรกิจ เช่นประกันการก่อสร้าง ประกันบุคคลที่สาม ประกันไซเบอร์ ประกันสินทรัพย์ เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทยังขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มที่เรียกว่า “ผู้บริหารครอบครัว” กลุ่มเป้าหมายหลักของแรบบิท แคร์ หรือ Chief Family Officer หรือ CFO หมายถึง “ผู้บริหารครอบครัว” ซึ่งสามารถเป็นใครก็ได้ ที่ต้องเป็นผู้นำในการตัดสินใจในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าให้กับครอบครัว เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบที่หลากหลายในการจัดการภาระหน้าที่ทั้งในด้านการทำงานและที่บ้าน จึงต้องการตัวช่วยอย่างแรบบิท แคร์ ในการช่วยเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ด้านประกันภัยและด้านการเงิน เพื่อประกอบการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

ด้านนายอังเดร โอลิเวอร์ เพรนซโลว์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ กล่าวถึง การพัฒนาระบบ CareOS ว่า เป็นการพัฒนาระบบขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า โดยล่าสุดบริษัทได้ลงทุนพัฒนาระบบปฏิบัติการ CareOS ไปแล้วมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทีมวิศวกรผู้พัฒนาระบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมากถึง 95 คน จาก 15 สัญชาติ ร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มตัวนี้ ที่สามารถบูรณาการระหว่างข้อมูลธุรกรรมประกันภัยและการเงิน เพื่อให้แมตชิ่งแบบประกันและบัตรเครดดิตเข้ากับความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคลได้ โดยสามารถเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ (Seamless) โดยใช้เทคโนโลยีเก็บข้อมูลและส่งรีพอร์ตให้พันธมิตรได้โดยตรง

สำหรับ จุดเด่น CareOS ที่แตกต่างจากระบบซอฟต์แวร์อื่นๆ ในแง่ของการประมวลผลลัพธ์ โดยใช้ข้อมูลจากลูกค้าเป็นหลักเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมและตรงกับไลฟ์สไตล์และความต้องการ และยังสามารถเสนอแพ็กเกจราคาของผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง เพื่อการตัดสินใจที่ตอบโจทย์มากที่สุด ลูกค้าสามารถเลือกซื้อผ่านระบบออนไลน์ และสามารถชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง รวมถึงฟีเจอร์ล่าสุดคือ Customer Care Portal ที่ลูกค้าสามารถติดตามสถานะการซื้อผลิตภัณฑ์ และดูความครอบคลุมการคุ้มครองของกรรมธรรม์ประกัน รวมถึงการจัดส่งสินค้าได้ผ่านระบบออนไลน์

ปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญที่มีการคัดเลือกแบบประกันภัยที่ดีที่สุดในตลาดและเติมบริการเข้ามาใน engine เพื่อแนะนำให้ลูกค้าของบริษัท จนส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทมีมากกว่า 4 หมื่นแผนประกัน จาก 20 บริษัทประกันให้ลูกค้าเลือกซื้อ โดยสามารถเข้าไปที่ www.rabbitcare.com แล้วกรอกข้อมูล โดยบริษัทจะใช้เทคโนโลยีถามคำถามที่สำคัญให้ลูกค้าเลือกตอบ เพื่อคัดผลิตภัณฑ์ประกันที่ถูกต้องให้ลูกค้าเปรียบเทียบเลือกซื้อได้เลย

นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการแบบออฟไลน์มากกว่า 800 คน ผ่าน Care Center 1438 โดยเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าสามารถซื้อแบบประกันผ่อน 0% นาน 10 เดือนอีกด้วย ขณะที่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินก็มีให้เลือกมากกว่า 50 แบบจากพันนธมิตร

อย่างไรก็ตาม แรบบิท แคร์เพิ่งประกาศการระดมทุนระดับ Series C ที่นำโดย Winter Capital บริษัทการลงทุนในตราสารทุนเติบโต (Growth Equity Investment) และ VGI PCL กลุ่มบริษัทสื่อชั้นนำของประเทศไทย เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา การผนึกกำลังครั้งนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านส่วนแบ่งการตลาดของแรบบิท แคร์ โดยการลงทุนดังกล่าวจะช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมทางการตลาดของแรบบิท แคร์ ภายใต้แนวคิด “Complete Care” ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ รวมถึงข้อเสนอด้านการส่งเสริมการขายและความคุ้มค่าของสินค้าและบริการที่มากขึ้นต่อผู้บริโภคชาวไทย

นายอังเดร ยังกล่าวอีกว่า ด้วยปัจจัยหนุนจากระบบ CareOS หรือระบบปฎิบัติการณ์ความแคร์ ตัวช่วยในการรวบรวม วิเคราะห์ คัดเลือก และเปรียบเทียบความคุ้มค่าเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคในทุกไลฟ์สไตล์ ที่ช่วยนำเสนอทางเลือกบัตรเครดิตให้ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคลของลูกค้า  พิสูจน์ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีผู้เข้ามาสมัครมากกว่า 30,000 คน และมีผู้ได้รับอนุมัติบัตรเครดิตไปมากกว่า 6,000 คนจากธนาคารต่างๆ ในระบบ อัตราการอนุมัติของเราได้เพิ่มขึ้นไป 5 เท่า มากกว่าในตลาดทั่วไป

พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มความคุ้มค่ากับลูกค้า ทางแรบบิท แคร์ได้มีการนำเสนอแคมเปญ Flash Sales สุด exclusive เฉพาะช่องทางแรบบิท แคร์เท่านั้น ซึ่งร่วมพัฒนาและลงทุนกับพาร์ทเนอร์ ธนาคารซิตี้แบงก์ โดยนำเสนอของกำนัลเป็นลำโพงมาเเชล (Marshall Emberton) พร้อม Voucher จากแรบบิท แคร์ รวมมูลค่ากว่า 11,500 บาท ระหว่างวันที่ 13-30 กันยายน 2565 เท่านั้น