โควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจไทยโตต่ำสุดในรอบ 11 ปี K-research ลดประมาณการเติบโต 2.7% เหลือ 0.5%

0
234

         ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยรายงานเศรษฐกิจ จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ว่า ยังส่อเค้าความรุนแรงและกระจายเป็นมากขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ อิตาลี และอิหร่าน ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่า 90,000 คน ครอบคลุมมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก  ส่งผลให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ยกระดับความเสี่ยงไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดในระดับสูงสุด ส่งผลกระทบให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งการผลิต การบริโภค และการลงทุนทั่วโลกชะงักงัน

         เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นนอกประเทศจีนมีระดับความรุนแรงและมีแนวโน้มที่จะลากยาวไปมากกว่าไตรมาสแรก  ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เพื่อใช้เป็นสมมติฐานในการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 ดังนี้

    1. สถานการณ์ในจีน สามารถควบคุมจำนวนการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า โดยไม่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดปะทุขึ้นมาอีก
    2. สถานการณ์ในประเทศอื่นๆ ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะประเทศอิตาลี และเกาหลีใต้ สามารถควบคุมได้ภายในไตรมาส 2
    3. สถานการณ์ในไทย จำนวนผู้ติดเชื้อไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาสั้นๆ

          สถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหลักที่กดดันเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ และเศรษฐกิจไทยน่าจะเริ่มทยอยฟื้นตัวในไตรมาส 3/2563

จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำแนกตามประเทศ

ที่มา: องค์การอนามัยโลก (WHO)

ท่องเที่ยวสูญรายได้ 4 แสนล้านบาท

ส่งออกกระทบหนัก เติบโต – 5.6%

         จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทย คาดว่าจะหดตัวอย่างมากช่วงครึ่งปีแรก  และจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ไทยสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4 แสนล้านบาทในปีนี้ ขณะที่การส่งออกไทยคาดว่าจะหดตัวถึง (-)5.6% เนื่องจากการแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อส่งผลให้เศรษฐกิจโลกทรุดตัวลงอย่างมาก เกิดดิสรัปชั่นในห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห่วงโซ่อุปทานของจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าขั้นต้นและสินค้าขั้นกลางของไทยอย่างมีนัยสำคัญ

         ขณะที่การนำเข้ามีแนวโน้มที่จะหดตัวลงอย่างมาก จากอุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอลง ประกอบกับดิสรัปชั่นในห่วงโซ่อุปทานที่ส่งผลให้ไทยไม่สามารถนำเข้าสินค้าขั้นต้นและสินค้าขั้นกลางบางชนิดได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทยอีกทอดหนึ่ง

บั่นทอนความเชื่อมั่น นักลงทุนชะลอการลงทุน

การบริโภคชะลอตัว ค้าปลีกกระทบกว่า แสนล้าน

         ด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนไทยและต่างชาติมีแนวโน้มที่จะชะลอการลงทุนในไทย ส่งผลให้การลงทุนจากภาคเอกชนมีแนวโน้มที่จะชะลอลง ขณะที่การลงทุนภาครัฐอาจล่าช้าออกไปจากความเป็นไปได้ที่ดิสรัปชั่นในห่วงโซ่อุปทานโลก  อาจก่อให้เกิดการขาดแคลนสินค้าทุนที่จำเป็นต่อโครงการภาครัฐต่างๆ รวมถึงภาครัฐอาจต้องหันมาใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วนเพื่อเยียวยาความเสียหายทางเศรษฐกิจในระยะสั้น ส่งผลให้การเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับการลงทุนภาครัฐต่างๆ อาจล่าช้าออกไป

          นอกจากนี้ การบริโภคภายในประเทศก็มีแนวโน้มที่จะซบเซาจากเศรษฐกิจที่อ่อนแรงลง อีกทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังก่อให้ผู้บริโภคกังวลในการออกไปจับจ่ายใช้สอย  กระทบต่อภาคการค้าปลีกของไทยในปีนี้น่าจะได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท   อีกทั้งเศรษฐกิจที่ชะลอลงส่งผลให้ภาคธุรกิจไทยอาจเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง ส่งผลให้ปิดกิจการหรือลดการจ้างงานเพิ่มขึ้น  ดังนั้นภาครัฐจำเป็นต้องออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ

K-research ลดประมาณการเติบโต 2.7% เหลือ 0.5%

          จากปัจจัยดังกล่าว  ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงปรับประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปี 2563 จากเดิม 2.7% ลงมาอยู่ที่  0.5%   ภายใต้สมมติฐานของสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ข้างต้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่ภาครัฐอาจนำออกมาใช้เพื่อเยียวยาความเสียหายทางเศรษฐกิจในระยะสั้น  ซึ่งการใช้จ่ายของภาครัฐน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยประคองเศรษฐกิจไทยในปีนี้

         แม้ว่าอัตราการเติบโตที่ 0.5% จะเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำสุดตั้งแต่วิกฤติซับไพรม์ในปี 2552 ท่ามกลางความเสี่ยงที่ไทยอาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค (Technical recession) จากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจติดลบเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้  แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในครั้งนี้เกิดจากปัจจัยทางธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากปัจจัยทางโครงสร้างเช่นในปี 2540  ที่เกิดจากปัญหาความไม่สมดุลของโครงสร้างเศรษฐกิจ จึงส่งผลให้เศรษฐกิจใช้เวลาในการฟื้นตัวค่อนข้างนาน ดังนั้นหากสถานการณ์คลี่คลาย  เศรษฐกิจไทยน่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี2563

          อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกยังไม่นิ่ง จึงยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยจะทบทวนประมาณการเศรษฐกิจเป็นระยะๆ

ประมาณการอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2563

ที่มา: สศช. กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ประมาณการโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ณ วันที่ 5 มีนาคม 2563

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่