“เชื่อผู้นำ ทำตาม ไม่มีข้อแม้” เคล็ดลับความสำเร็จของ ฉัตรพงษ์  ภูสีฤทธิ์ – AXA Prime Leader

0
206

“นักร้อง เป็นอาชีพที่ผมรักมาก เป็นงานที่ผมทำแล้วมีความสุขทุกครั้ง และตั้งใจจะยึดเป็นอาชีพไปตลอดชีวิต ขณะที่อาชีพตัวแทนประกันชีวิต เป็นอาชีพที่ทำให้ครอบครัวมีความสุข คนรอบข้าง น้องๆ ทีมงานมีความสุข ผมลองทบทวนดีๆ จึงได้คิดว่า เมื่อก่อนผมเห็นแก่ตัวโดยไม่รู้ตัว ผมมีความสุขมากที่ได้ร้องเพลง ได้สังสรรค์ เฮฮา กินเหล้า เถลไถล แต่ไม่เคยถามครอบครัวและคนรอบข้างเลยว่าเขามีความสุขกับผมด้วยหรือไม่ บ่อยครั้งที่เขาต้องรอผมกลับบ้านดึกๆ บางทีรอจนเช้า” 

“มาวันนี้ รูปแบบความสุขของผมเปลี่ยนไป ผมอาจไม่มีความสุขเหมือนตอนร้องเพลง แต่ความสุขที่ผมได้รับตอนนี้คือการเห็นครอบครัว เห็นคนรอบข้างมีความสุข โดยเฉพาะคุณแม่เมื่อก่อนไม่อยากให้ผมขายประกันเลย แต่วันนี้เจอใครก็คุยอวดไปทั่ว เป็นความอิ่มเอมใจที่คุณแม่ภูมิใจในอาชีพผม”

คำกล่าวของ  คุณฉัตรพงษ์  ภูสีฤทธิ์  ผู้จัดการภาคอาวุโส ฝ่ายตัวแทน (AXA Prime Leader) อดีตนักดนตรีและนักร้องนำ ผู้เคยมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 5 หมื่นบาท ซึ่งวิกฤตในชีวิตทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพมาสู่เส้นทางสายประกันพร้อมพกพาความไม่เชื่อมั่นและอีโก้มาเต็มเปี่ยม 

วิกฤตชีวิต…จุดเปลี่ยนสู่อาชีพตัวแทนประกันชีวิต

คุณฉัตรพงษ์ เล่าถึงจุดเปลี่ยนที่ตัดสินใจมาทำอาชีพตัวแทนประกันชีวิตว่า นอกจากร้องเพลงแล้วยังทำธุรกิจร้านอาหารด้วย ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงรัฐประหารพอดี ทหารมารวมพลอยู่หน้าร้านแทบทุกวัน จนร้านไปต่อไม่ไหว จึงตัดสินใจขายทุกอย่างแล้วไปทำร้านอาหารและร้องเพลงที่ฮ่องกง แต่ก็ยังโดนโกงจนล้มละลาย ติดหนี้ หนี้บัตรเครดิตอีก ลำบากมากถึงขั้นไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าให้ลูกไปโรงเรียน

ช่วงที่ทำธุรกิจอยู่ฮ่องกง ได้ปรึกษาพูดคุยกับ พี่เจน คุณณัฐเสฐ สงคราม รุ่นพี่ที่เป็นนักดนตรี เคยทำงานเล่นดนตรีด้วยกัน แต่จู่ๆก็หายไปจากวงการดนตรี กลับมาเจอกันอีกครั้งพี่เจนเปลี่ยนไปมาก บุคลิกดีมากๆพูดจาน่าเชื่อถือ แต่ก็แค่กลับมาคุยกันฉันท์พี่น้องที่เคยอยู่ในวงการเดียวกัน ไม่เคยพูดเรื่องขายประกันหรือชวนไปทำงานด้วยเลย จำได้ว่าเมื่อก่อนพี่เขาขับรถเก๋งธรรมดา พอเปลี่ยนอาชีพไปประมาณ 1 ปี  ก็เปลี่ยนเป็นแคมรี จากนั้นอีกไม่นานก็เปลี่ยนเป็นเบนซ์ จนเพื่อนๆ อดถามไม่ได้ ณัฐเสฐจึงได้เล่าเรื่องการทำงานเป็นตัวแทนประกันชีวิต กับ  กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ว่าเป็นอาชีพที่มีรายได้ดี ทำให้ชีวิตมั่นคง แต่ตอนนั้นฉัตรพงษ์ก็ยังรู้สึกเฉยๆ เอนเอียงไปในทางไม่ชอบอาชีพขายประกันด้วยซ้ำไป

“วันที่ผมตัดสินใจย้ายจากฮ่องกงกลับมากรุงเทพ พี่เจนมารอรับที่สนามบินตอนเที่ยงคืน และพาไปสอบใบอนุญาติตัวแทนประกันชีวิตเช้าวันรุ่งขึ้นเลย สอบรอบเดียวผ่านจึงตัดสินใจลองทำ อีกใจก็คิดเผื่อไว้แล้วว่าถ้าทำไม่ได้ ก็กลับไปร้องเพลงที่อุดร ซึ่งร้านอาหารยินดีรับผมกลับไปทำงาน เพราะลูกค้ายังคงถามถึงและจำได้ว่าผมเอ็นเตอร์เทนเก่ง”

“วันแรกที่มางาน Kick off ผมยังแอบขำ บอกตัวเองว่านี่มันงานขายตรงชัดๆ รถที่จอดอยู่หน้างานต้องเช่ามาแน่ๆ แต่ละคนไม่น่าจะขับรถหรูขนาดนี้ แต่เมื่อถึงเวลาทำงานจริงๆ จึงเริ่มเข้าใจ เพราะทีมที่ผมอยู่เราทำงานเป็นทีม คอมมิชชั่นได้มาเท่าไหร่ก็แบ่งกัน ผมจึงลองคำนวณถ้าขายได้ทุกวัน แล้วเปลี่ยนสถานะตัวเองจากตัวหารเป็นตัวคูณ รายได้ผมจะมากมายขนาดไหน”

“ และถ้าผมตัดสินใจกลับไปร้องเพลง ก็คงทำได้อีกไม่กี่ปี ยิ่งแก่ตัวก็ยิ่งหางานอื่นทำยากขึ้น แต่อาชีพประกันชีวิตผมเห็นแล้วว่ามีคนทำได้จริงๆ รู้ว่ารายได้มาจากไหน ไม่ใช่อาชีพขายฝันแน่นอน ผมจึงโฟกัสพร้อมปรับเปลี่ยนวิถีการทำงาน แต่ก็ยังไม่ 100% เพราะยังมีอีโก้ และพื้นฐานเป็นคนดื้อ ซึ่งมองย้อนกลับไปแล้วยอมรับว่าเป็นนิสัยที่แย่”

เปลี่ยน Mindset ใหม่ “เชื่อผู้นำ ทำตาม ไม่มีข้อแม้”

ฉัตรพงษ์ บอกว่า ช่วง 2 ปีแรก นำอีโก้ที่เชื่อมั่นในวิธีของตัวเองมาปรับลุยงาน โฟกัสที่งานขายแบบจริงจัง พร้อมทั้งชวนภรรยาเข้ามาสู่อาชีพ ตั้งเป้าหมายที่รายได้เดือนละแสน เพื่อปลดหนี้ และหลังจากนั้นอีก 3 ปี ก็สามารถเคลียร์หนี้ได้ทั้งหมด แต่ต้องแลกมาด้วยความเครียด และไม่ได้กลับบ้านไปหาแม่ที่อุดรเลย 

ผ่านไป 3 ปีกว่า รู้สึกอิ่มตัวกับงานขาย  จึงเริ่มหันไปมองคนอื่นที่เข้ามาทีหลัง พบว่าหลายคนสร้างทีมเติบโตไปมากแล้ว แต่เขายังคงโฟกัสอยู่กับงานขาย ไม่ได้หันมามองการสร้างทีมงานเลย  จึงปรับวิธีคิดใหม่ จะไม่หยุดตัวเองไว้แค่รายได้จากการขาย  โดยการทำตามระบบที่หัวหน้าบอกมาตลอด  หลังจากนั้นใช้เวลาเพียงปีเดียว ก็ขึ้นระดับผู้จัดการหน่วย ชีวิตดีขึ้นเยอะมาก นอกจากรายได้แล้ว  บุคลิก การพูดจา ความน่าเชื่อถือ ก็ดีขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ  

“บริษัทฯ วางโครงสร้างมาสนับสนุนตัวแทนฯ ไว้ดีมากๆ ขณะที่หัวหน้าทีมผมก็วางกลยุทธ์การเติบโตของทีมงานไว้ดีมากเช่นกัน แต่ผมมองใกล้เกินไป มองแค่รายได้ที่เห็นตรงหน้า พอปรับ Mindset ใหม่ ใช้เวลาไม่นานผมก็ได้ขึ้นผู้จัดการหน่วย สร้างตัวแทนได้ 8 คน ครบปีผมได้ตำแหน่ง Top New Comer of The Year อันดับ 1 จากนั้นผมตั้งใจทำ Double Team Size คือถ้าทีมมีอยู่ 8 คน ต้องสร้างเพิ่มให้เป็น 16 คน จนสำเร็จ ปัจจุบันผมมีทีมงาน 27 คน  ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็รู้มาตลอดเวลาว่าถ้าทำแล้วต้องได้  แต่ด้วยอีโก้ที่มากเกินไป จึงมุ่งแต่งานขายตลอด  3 ปี ทั้งๆ ที่มีโอกาสสร้างทีมได้ตั้งนานแล้ว”

สำหรับปีนี้ตั้งเป้าตำแหน่ง Top of the year ซึ่งคุณณัฐเสฐไม่ได้บังคับ แต่ใช้หลักจิตวิทยาโดยย้ำว่าเชื่อมั่นว่าผมทำได้ นั่นคือการกำหนดเป้าหมายโดยที่ผมไม่รู้ตัว  ซึ่งต้องผมโชคดีมากที่มีหัวหน้าที่เข้าใจ และอดทนจนเปลี่ยน Mindset ของผมได้ ถึงวันนี้ต้องยอมรับว่า ถ้าผมทำงานกับบริษัทอื่นผมคงไม่ได้เติบโตมาเท่าทุกวันนี้  

ฉัตรพงษ์ กล่าวว่า กลยุทธ์ของทีม คือ “เชื่อผู้นำ ทำตาม ไม่มีข้อแม้” เป็นเทคนิคที่คุณณัฐเสฐ (หัวหน้าทีม) พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้อาชีพตัวแทนประกันชีวิตประสบความสำเร็จได้จริง  ฉัตรพงษ์จึงปรับ Mindset ใหม่  จากที่เคยคิดมาตลอดว่า ทำไมต้องเชื่อ ทำไมต้องทำตามโดยไม่มีข้อแม้  เปลี่ยนมายอมรับว่าในเมื่อหัวหน้าทีมทำถนนลาดยางไว้แล้ว จะถางป่าเองให้เหนื่อยทำไม  และผลลัพธ์ที่ได้ก็เห็นชัดเจนว่า 80-90% ของทีมงานที่ทำตามประสบความสำเร็จในอาชีพ  ถ้าทำงานเป็นทีม ทำตามผู้นำ พร้อมลุยพร้อมสู้ไปด้วยกันจริงๆ  ไม่ใช่แค่รู้ แค่เข้าใจ แต่ไม่ทำตามอย่างจริงจัง  เหมือนที่ฉัตรพงษ์เคยไม่เชื่อและไม่ทำในช่วงแรกๆ  

ปัจจุบันฉัตรพงษ์มีทีมงาน 27 คน  ทำงานฟูลไทม์ทั้งหมด  และส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ อายุไม่เกิน 30 ปี ที่ผ่านการคัดรีครูทภายใต้เงื่อนไขที่ต้องทำงานเป็นทีม ทำงานหนักและจริงจัง ซึ่งการรีครูทแต่ละคน  ฉัตรพงษ์จะแจ้งอย่างชัดเจนเลยว่า ไม่ได้รีครูทแค่ให้มาเป็นตัวแทนฯ แต่มองไกลไปถึงระดับผู้บริหาร  เพียงแต่จะต้องผ่านการเป็นตัวแทนฯ ที่มีศักยภาพในการขายให้ได้ก่อน เพื่อจะได้มีแนวทางในการบริหารและสร้างทีมให้เติบโตต่อไป 

“ ผมจะเล่าความจริง ทุกสิ่งที่ตัวแทนประกันชีวิตต้องเจอในสนามให้ทุกคนฟังก่อนว่ามันไม่ง่าย สิ่งแรกที่คุณต้องเจอคือการปฎิเสธ  เพื่อเวลาลงสนามจริงๆจะได้ไม่ท้อ   แล้วค่อยอธิบายถึงโครงสร้างการเติบโตว่า ต้องทำงานเป็นทีม ถ้าทีมงานสำเร็จได้ คุณในฐานะระดับผู้บริหารจะสำเร็จได้มากกว่า”    

คำว่า “ทำงานเป็นทีม” คือไปทำงานด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน  แชร์ค่าคอมมิชชั่นกัน  ใกล้ชิดกันยิ่งกว่าครอบครัว เพราะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยครั้ง ครั้งละเกือบเดือน  ช่วยกันวางแผนและแก้ปัญหาด้วยกัน  ถ้าโฟกัสกับงานจริงๆภายใน 6 เดือน ถึง 1 ปี ชีวิตคุณเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน  เพราะทีมเราทำงานจริงจัง รวดเร็ว โดยเฉพาะคุณณัฐเสฐทำงานเร็วมาก  เมื่อเกิดปัญญาจะประชุมวางแผนแก้ไขทันที  

AXA Prime การันตีตัวแทนมาตรฐานสากล  

คุณวุฒิ “AXA Prime” เป็นคุณวุฒิสูงสุดที่กลุ่มแอกซ่าเอเชีย พัฒนาขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพและยกระดับฝ่ายขายสู่มาตรฐานสากล  กระตุ้นให้ตัวแทนพัฒนาศักยภาพ ก้าวสู่นักขายมืออาชีพ เริ่มจาก AXA Prime-Agent  ก้าวสู่ AXA Prime-Leaders  และเติบโตเป็นเจ้าของสำนักงาน AXA Prime-GA ในที่สุด 

ฉัตรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับอาชีพตัวแทนประกันชีวิตแล้ว คุณวุฒิและรางวัลคือการการันตีความสำเร็จระดับหนึ่งว่าผู้ที่ได้รับมีคุณภาพและมีความสามารถที่เหนือกว่า  จึงปลูกฝังให้ทีมงานให้ความสำคัญกับคุณวุฒิและรางวัลเป็นพิเศษ  โดยเฉพาะ AXA Prime เป็นคุณวุฒิที่ทีมงานผมทุกคนควรต้องได้มา  เพราะเป้าหมายของทีมที่วางไว้ใหญ่กว่านั้น  โดยในปี 2565 ฉัตรพงษ์ ได้รับรางวัล “Top New Comer of The Year” ระดับผู้จัดการของตัวแทน และรางวัล Top of the Year  รวมไปถึงติดเกือบทุกคุณวุฒิทุกรางวัลของบริษัทฯ รวมไปถึงคุณวุฒิ MDRT และ APFINSA  ส่วนปีนี้ 2566 กำลังทำผลงานเพื่อรางวัล Top Recruit เพิ่มอีกด้วย    

คุณวุฒิ AXA Prime  นอกจากจะการันตีถึงคุณภาพในการทำงานแล้ว  ผู้ที่ได้รับคุณวุฒิในทุกระดับ จะได้รับข้อมูลรายชื่อลูกค้าระดับคุณภาพจากบริษัทฯ  มาเพิ่มตลาดและโอกาสในการทำงานอีกด้วย   นอกเหนือจากสิทธิพิเศษต่างๆ เช่น บริการ Fast Track พิจารณารับประกันภัยแบบเร่งด่วน  สิทธิ์ในการใช้บริการ KTAXA Lounge และการรับบริการสอบถามช่องทางพิเศษ Call Center 1159  ซึ่งทำให้เราไม่ต้องรอสายในการติดต่อประสานงานนาน   รวมถึงการเข้าพบลูกค้า เมื่อยื่นนามบัตร โชว์ว่าเราเป็น AXA Prime ก็สร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างมาก และง่ายต่อการตัดสินใจที่ลูกค้าจะให้เราเป็นผู้ดูแลเขาในส่วนนี้ เป็นต้น

เป้าหมายอีก 5 ปี ก้าวสู่ AXA Prime-GA

จากความตั้งใจที่จะกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านอุดรธานี  ฉัตรพงษ์จึงเช่าบ้านที่กรุงเทพมาโดยตลอด  พร้อมกับใช้เป็นออฟฟิศในการประชุมงานไปด้วย  จนกระทั่งมีทีมงานเพิ่มเป็น 10 คน  สถานที่เริ่มคับแคบจึงตัดสินใจซื้อบ้าน  ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่คุยกับครอบครัวว่าจะซื้อบ้านใหม่ที่อุดรธานี  ณัฐเสฐได้ให้คำแนะนำพร้อมขยายความคิดว่า  ซื้อบ้านที่อุดรธานีจะได้แค่บ้านไม่สามารถต่อยอดขยายธุรกิจได้  แต่ถ้าซื้อที่กรุงเทพ จะได้ทั้งบ้านและต่อยอดเป็นสำนักงานตัวแทนในอนาคตไปพร้อมกัน  ฉัตรพงษ์จึงเปลี่ยนความคิดใหม่  ไปดูบ้านเพียงวันเดียวก็ตัดสินใจซื้อบ้านใหม่ย่านปทุมธานี เพื่อให้น้องทีมงานได้มีสถานที่ทำงาน ที่สะดวก สบายขึ้นกว่าเดิม  มีอาหาร เครื่องดื่ม ห้องคาราโอเกะ สแตนบายให้ทีมงานตลอดเวลา   และได้ย้ายครอบครัวทั้งหมดจากอุดรฯ มาอยู่พร้อมหน้ากันที่บ้านหลังใหม่แห่งนี้เรียบร้อยแล้ว

“เป้าหมายในอาชีพของผมในอีก 5 ปีข้างหน้า คือเป้าหมายเดียวกันกับที่คุณณัฐเสธวางไว้ คือ  AXA Prime – GA เป็นเจ้าของสำนักงานตัวแทน  ซึ่งต้องมีทีมงานภายใต้สำนักงานที่ติดคุณวุฒิ AXA Prime Agent 8 คน และ AXA Prime Leader อีก 3 คน ซึ่งผมตั้งใจจะสร้างตัวแทน 100 คน  สร้างหน่วย 10 หน่วย  ด้วยทีมงาน 27 คน ปัจจุบัน ที่มีศักยภาพและพร้อมแล้วที่จะเติบโตไปกับผม  โตแบบโครงข่ายใยแก้ว ที่แตกแขนงออกไป  เช่นเดียวกับที่ผมเติบโตมาพร้อมกับพี่เจน จากคนไม่กี่คน ตอนนี้แตกแขนงเติบโตจะครบ 100 คนแล้ว  ที่สำคัญคือผมมีที่ปรึกษา สามารถขอความรู้และคำแนะนำในการแก้ไขปัญหา ได้จากผู้นำทุกคน”

สำหรับเคล็ดลับการอยู่ในอาชีพ  ฉัตรพงษ์บอกว่า ต้องทำความเข้าใจและกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน  ตัวแทนประกันชีวิตเป็นอาชีพที่ต้องเข้ามาสัมผัสถึงจะเข้าใจว่าสามารถเปลี่ยนชีวิตได้จริงๆ   เริ่มจากการเปิดใจและปรับ Mindset ให้คิดบวก และพร้อมเผชิญหน้ากับปัญหา  เพราะทุกปัญหามีแค่ 2 อย่าง คือแก้ไขได้ กับแก้ไขไม่ได้   ซึ่งส่วนที่แก้ไม่ได้ มันจะแตกไปได้อีกว่าแก้ได้กี่% แก้ไม่ได้กี่ %  เป็นแนวทางเวลาเจอปัญหาครั้งต่อไป  เปอร์เซ็นต์ในการแก้ปัญหาที่แก้ไม่ได้จะลดน้อยลง  แต่ในทางกลับกันถ้าเริ่มต้นจากคิดลบทุกอย่างจะเป็นปัญหา โอกาสที่จะเดินไปสู่ความสำเร็จจะยากขึ้น

“ช่วงโควิด19 ระบาด  ผมบอกตัวเองและทีมงานว่า โควิดเป็นปัจจัยภายนอก ที่เราไม่สามารถควบคุมได้   แต่งานขายเป็นปัจจัยภายในจากใจของเรา ใจที่เราต้องการขาย  ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรอาชีพนักขายมีหน้าที่ต้องขาย  โดยเฉพาะผมในฐานะหัวหน้าทีม ต้องกล้าทำงาน  ถ้าผู้นำกล้าทีมงานก็จะมั่นใจ  ทีมงานผมขายได้เพราะคิดว่าจะไปขาย  แต่คนที่ขายไม่ได้ เพราะคิดว่าจะไปติดโควิด   ซึ่งในความเป็นจริงอยู่ที่ไหนก็มีโอกาสติดโควิดเหมือนกัน   ดังนั้นยอดขายทีมงานผมจึงไม่ตกเลย  และผมได้ขึ้นขึ้นตำแหน่งผู้จัดการในปี  2564 ช่วงโควิดกำลังระบาดพอดี”  

นอกจากนี้ ทีมงานและองค์กรเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญ ที่จะสนับสนุนและผลักดันให้เติบโตในอาชีพ ซึ่งผมโชคดีมากที่มีโอกาสได้ทำงานกับทีมเศรษฐี 27 W163 หนึ่งในทีมงานที่ดีที่สุด  และอยู่ในองค์กรที่มีโครงสร้างและการบริหารงานฝ่ายขายที่ดีที่สุดอย่าง กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต บริษัทฯ ที่มีโครงสร้างสนับสนุนฝ่ายขายที่ดีที่สุด โดยเฉพาะคุณวุฒิ AXA Prime ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพและคุณภาพของอาชีพตัวแทนประกันชีวิตให้เป็นมาตรฐานสากล และเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง