อลิอันซ์ อยุธยา เผยผลงานQ1โต 22.8% ชี้ประกันสุขภาพคืออนาคตของธุรกิจประกันเร่งเครื่องพัฒนาบริการรับ New Normal

0
611

         อลิอันซ์ อยุธยา เผยผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2563 โชว์ผลงานยอดเยี่ยม เติบโตแกร่งสวนกระแสเศรษฐกิจ ด้วยเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (Annualized New Premium – ANP) 1.5 พันล้านบาท เติบโต 22.8% เทียบกับปีที่แล้ว ด้วยกลยุทธ์ช่องทางขายที่หลากหลาย เน้นธุรกิจประกันสุขภาพและนวัตกรรมดิจิทัล มั่นใจพิชิตเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 3.3 หมื่นล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้

      นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า การเกิดขึ้นของ covid 19 ส่งมีผลกระทบต่อทั่วโลกในทุกธุรกิจรวมถึงประกันชีวิต โดยเฉพาะด้านการลงทุนจากการตกลงของหุ้น ซึ่งธุรกิจประกันชีวิตมักจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเพราะมีความเสี่ยงต่ำแต่ในช่วง 10 ปี ผลตอบแทนจากพันธบัตรของรัฐบาลต่ำมากในขณะที่เมื่อธุรกิจประกันชีวิตได้เงินมาต้องมีการนำเงินไปลงทุนที่เป็นระยะยาวเพื่อให้งอกเงยเราจึงต้องกลับมาดูว่าในธุรกิจอะไรที่มันไม่มีการผูกพันจากการขึ้นลงของตลาด

        ในส่วนของผลการดำเนินไตรมาสแรกของปี 2536 บริษัทฯ ยังสามารถสร้างผลงานที่ดีสวนกระแส โดยมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก เติบโต 22.8 % อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท มาจาก ช่องทางตัวแทนที่เติบโต 15.6% สร้างเบี้ยได้ 566 ล้านบาท ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์สร้างเบี้ย  296 ล้านบาท เติบโต 17.4% ช่องทางขายตรงยังคงครองอันดับหนึ่งในตลาดด้วยเบี้ย 464 ล้านบาท เติบโต 4.5% ส่วนช่องทางอื่นๆ ได้แก่ ประกันกลุ่ม และ ดิจิทัล สร้างเบี้ยอยู่ที่ 133 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดถึง 144.3% ซึ่งเป็นผลมาจากการปิดดีลใหญ่ได้ในช่วงต้นปี

         ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่ใช้มาโดยตลอดคือ การใช้ช่องทางการขายที่หลากหลายซึ่งทำให้เราสามารถสร้างสมดุลให้กับธุรกิจได้ นับเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญมากโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดอยู่ในสภาพลดลงอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ที่ 2 การเน้นขายประกันสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญและเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้บริษัทไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนโดยมองว่าประกันสุขภาพคืออนาคตของธุรกิจประกันไทย ส่วนกลยุทธ์ที่สำคัญสุดท้ายคือ การเร่งเครื่องนวัตกรรมดิจิตอลเพื่อรองรับวิธีการดำเนินชีวิตเปลี่ยนไป ซึ่งโควิด 19 เป็นตัวเร่งทำให้บริษัทฯ เข้าสู่ digital อย่างรวดเร็ว จากเดิมที่ทำมาก่อนหน้านี้แต่ยังไม่สำเร็จ

         จากสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ประชาชนส่วนมากหันมาสนใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญการการซื้อประกันสุขภาพ โดยในไตรมาสแรก ที่ผ่านมา อลิอันซ์ อยุธยามีสัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพต่อเบี้ยรวมทั้งหมดถึง 42.8% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทประกันอื่นๆ ในตลาด และตั้งเป้าหมายให้มีสัดส่วน 50% โดยจะใช้กลยุทธ์เน้นไปที่ช่องทางตัวแทนขายตรงและประกันกลุ่ม ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าที่ขายดี 3 ตัว เป็นประกันสุขภาพ คือ สุขภาพปลอดล็อค เอ็กตร้า สุขภาพปลดล็อค อัลตร้า ที่เริ่มขายเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา และสินค้าโรคร้ายแรง บ่งบอกถึงเทรนที่จะมาเรื่องสุขภาพจากความตื่นตัวของคน ทำให้เรามองว่าเรามาถูกทางแต่ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทไม่มีแผนเปิดสินค้าใหม่ โดยจะเน้นการสนับสนุนด้านบริการอย่างไรให้สามารถดูแลลูกค้าได้ นอกเหนือจากบริการที่มีอยู่แล้ว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง

        แม้สถานการณ์โควิด-19 จะทำให้สภาพเศรษฐกิจมีความท้าทายยิ่งขึ้นแต่มองว่าเป็นโอกาสในการเร่งเครื่องสู่การทำงานแบบดิจิทัล โดยช่องทางตัวแทนที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้สามารถขายประกันโดยไม่ต้องพบหน้าลูกค้าได้ ตัวแทนของบริษัท สามารถใช้ Allianz Discover(AZD) ซึ่งเป็นเครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยสนับสนุนการขาย มีฟังก์ชั่นในการให้ลูกค้าสามารถเซ็นชื่อในระบบเพื่อพิสูจน์ตัวตนได้ ทำให้ทั้งลูกค้าและตัวแทน ได้รับประสบการณ์การซื้อขายที่ดี และคาดว่าวิธีการขายแบบนี้จะกลายเป็น New Normal ของวงการประกันไทยในอนาคต นอกจากนั้น สืบเนื่องจากการที่ช่วงโควิด ทำให้มีการควบคุมการเดินทางไปมาหากัน โดยในช่วงที่ผ่านมามียอดการส่งงานของตัวแทนผ่าน AZD ถึง 87% และคาดว่าตัวแทนจะเข้าสู่การใช้ดิจิทัลแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในสิ้นปีนี้

         ในส่วนของลูกค้า ปัจจุบันก็หันมาใช้บริการออนไลน์มากขึ้นโดยเข้าใช้แอปพลิเคชั่น My Allianz ในเดือน เม.ย.เดือนเดียวสูงขึ้นถึง 200% โดยบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ การสมัครรับผลประโยชน์ผ่านทางธนาคาร การกู้เงินตามกรมธรรม์ และ การชำระเบี้ยประกันออนไลน์ รวมทั้งการใช้บริการ telemedicine ผ่าน platform healthy living ที่ปัจจุบันมีคนดาวน์โหลดประมาณ 5,000 ดาว์นโหลดและมีคนเข้าใช้บริการ telemedicine ถึง 2,100 ครั้ง ในส่วนพนักงานในช่วงที่การระบาดรุนแรงช่วง มี.ค.– พ.ค. ทางบริษัทฯได้บริหารจัดการให้พนักงานกว่า 90% สามารถทำงานจากที่บ้านได้ และจากผลสำรวจความคิดเห็นพนักงาน 46% เห็นว่า การอนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่ใดก็ได้ โดยไม่ต้องเข้าสำนักงาน หรือ Work Anywhere จะกลายเป็น New Normal สำหรับทั้งบริษัทและทีมงานของเรา

       อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากโควิด กำลังซื้อประกันของคนจะไม่กลับมาเร็วอย่างแน่นอนซึ่งเป็นไปตามภาวะ ศก. คนมองประกันชีวิตเป็นสิ่งสำคัญแต่อาจไม่ใช่สิ่งเร่งด่วน โดยคาดว่า ไตรมาส 3-4 อลิอันซ์ อยุธยา น่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 5% และสินค้าสุขภาพจะเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯ และคาดว่าธุรกิจทั่วโลกจะปรับตัวให้เข้ากับวิถีของสังคม รวมถึงธุรกิจประกันชีวิต เช่น ช่องทางฝ่ายขายตัวแทนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนสามารถขายได้ การอนุมัติ กรมธรรม์ ออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลก ในส่วนของลูกค้า  มองว่า ทุกสิ่งที่ลูกค้าต้องการย้ายมาอยู่บนมือถือ ลูกค้าสามารถดูแลตัวเองได้เลย จนถึง เคลมออนไลน์ ของอลิอันซ์เอง ก็สามารถจ่ายเงินค่าสินไหมได้ในวันเดียวถ้าลูกค้ามี บัญชีธนาคารกรุงศรี ด้านพนักงาน การทำงาน 2 เดือนที่ผ่านมา ต่อไปในอนาคตเราไม่จำเป็นต้องมีออฟฟิศที่ใหญ่ เพราะ นับจากนี้ไปจะเห็นวิธีการทำงานแบบใหม่ด้วย

“โควิดผลักดันให้เราทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เห็นได้จากนโยบายของ บริษัทฯ Work Any Where นานแต่ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้แต่พอโควิดมา 4 สัปดาห์ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างปกติ ด้านตัวแทน เช่นเดียวกัน ตัวแทนสามารถปรับตัวทำงานได้กับระบบของบริษัท ทำให้ทุกคนส่วนใหญ่ทำงานได้ และไปได้เร็วกว่าก่อนโควิดเกิด และมองว่า อนาคตของธุรกิจประกันชีวิตยังคงอยู่บนพื้นฐานของการขายประกันสุขภาพ ซึ่งจะยังมีคงต่อเนื่องและมากขึ้นเรื่อย เป็นพื้นฐานของธุรกิจประกัน ” นายไบรอันกล่าวสรุป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่