ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา การระบาดของโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้อุตสาหกรรมประกันภัยต้องเปลี่ยนมาทำงานผ่านระบบดิจิตอลอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้แม้จะมีการพูดถึงการ Disruptions ของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมประกันภัยไปสู่ธุรกิจในยุคดิจิตัล ก็ยังมองภาพไม่ออกมากนักเนื่องจากธุรกิจประกันภัยตัวเชื่อมโยงสำคัญคือ “คน” ทำให้การพัฒนาสู่ยุคดิจิตอลในช่วงแรกๆ จึงเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่เมื่อต้องปิดเมืองคนไม่ได้เจอกันตามปกติจึงทำให้เกิดการดิสรัปอย่างแท้จริงและรวดเร็วเนื่องจากสถานการณ์บังคับ ทั้งภาครัฐที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแลก็ต้องเร่งเปิดทางอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินธุรกิจโดยรวม
เมื่ออุตสาหกรรมฯ โดน Technology Disruption ถนนทุกสายของธุรกิจประกันจึงมุ่งไปที่เส้นทางสู่ Insurtech ซึ่งมาจากคำว่า Insurance (ประกันภัย) และ Technology (เทคโนโลยี) เป็นคำที่ใช้เรียกธุรกิจประกันภัยที่ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในระบบการดำเนินงาน แต่ด้วยความซับซ้อนของตัวธุรกิจเอง จนถึงรูปแบบของสินค้าที่มีความหลากหลาย ช่องทางการขาย และการบริการหลังการ ที่มีการเชื่อมโยงหลายภาคส่วน อาทิ ธุรกิจนายหน้าประกันภัย อู่ โรงพยาบาล ผู้สำรวจภัย อื่นๆ ที่เป็นธุรกิจต่อเนื่อง หากเลือกที่จะปรับองค์กรและการบริการไปสู่รูปแบบดิจิตอลด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเองก็ไม่คุ้มค่าการลงทุน ที่ต้องใช้เม็ดเงินมหาศาล อีกทั้งขาดบุคคลากรผู่เชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งนับเป็นปัญหาระดับประเทศ ทำให้เกิดโอกาสในการลงทุนต่อยอดสินค้าและบริการเพิ่มเติมของบริษัทที่พัฒนาและให้บริการด้านเทคโนโลยีอยู่แล้ว
บริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ iiG ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีแห่งยุคดิจิทัลและบริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแก่องค์กรธุรกิจแบบครบวงจร จึงได้เปิดตัว “iiV” หรือ บริษัท ไอแอนด์ไอ เวนเจอร์ จำกัด บริษัทย่อยในเครือ พร้อมกับแพลตฟอร์มอินชัวร์เทค “Moverse” ซึ่งเป็นดิจิทัลโซลูชันสำหรับธุรกิจประกันภัยรถยนต์โดยเฉพาะเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในอนาคต โดยมุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านดิจิทัลอินชัวรันส์ ครอบคลุม ประกันภัยรถยนต์ (Motor Insurance) ประกันสุขภาพ (Health Insurance) และ ประกันอุบัติเหตุ อัคคีภัย วินาศภัยอื่นๆ ( Non-Motor Insurance) รวมถึง ระบบการดำเนินงานสำหรับธุรกิจประกัน ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI ผ่านการใช้งานในหลายรูปแบบทั้งด้านการถ่ายภาพ เสียง และการวิเคราะห์ข้อมูล
นายสมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ iiG และ ประธานบริษัท ไอแอนด์ไอ เวนเจอร์ จำกัด หรือ iiV กล่าวว่า iiG มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมากว่า 3 ทศวรรษ ช่วยนำพาองค์กรธุรกิจชั้นนำและทุกอุตสาหกรรมของไทยทรานสฟอร์มเข้าสู่ยุคดิจิทัล สามารถตอบทุกโจทย์ธุรกิจรวมถึงช่วยในการปรับตัวตามโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งธุรกิจประกันภัยที่มีแนวโน้มการเติบโต
“เราต้องการเป็น first end to end insurtech platform ในประเทศไทย ผ่าน บริษัท ไอแอนด์ไอ เวนเจอร์ จำกัด หรือ iiV ที่เป็นบริษัทลูกและถูกตั้งขึ้นมาเพื่อที่จะทำเรื่องของอินชัวร์เทคโดยเฉพาะ ด้วยเหตุผลอันดับแรกที่ทำเพราะบริษัทประกันภัยเป็นหนึ่งในเสาหลักของธุรกิจ financial service industry ซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย และเป็นอุตสาหกรรมที่มีความแข็งแกร่งทนต่อความผันผวน โดยมองว่าเป็นเสาหลักให้กับเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ในขณะที่ financial service industry โดยเฉพาะในภาคการเงินการธนาคารมีกระแสของ disruption เทคโนโลยีมีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงจนถึงขั้นประกาศว่าเราไม่ใช่ธนาคารอีกต่อไปแล้วแต่เราเป็น Tech company ที่มีธุรกิจ bank”
“ธุรกิจอินชัวรันส์ก็มีการปรับตัวครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมซึ่งจะเกิดขึ้นและต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อเราเห็นแนวโน้มตรงนี้ชัดเจนในต่างประเทศก็เข้ามาปฏิวัติเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทั้งหมดอย่างรวดเร็วสิ่งที่เรามองคือว่าเป็นโอกาสสำหรับเราที่จะสร้าง Insurtech platform ขึ้นมาในประเทศไทยและสิ่งที่เรามีคือเรามีความเข้าใจในอุตสาหกรรมประกันอย่างลึกซึ้งจากการที่เราเข้าไปให้บริการทำเรื่อง transformation ให้กับหลายๆธุรกิจประกันทั้งที่เป็นไลฟ์และเป็นนอนไลฟ์ซึ่งเราทำมาเยอะมากเราจึงเข้าใจในอุตสาหกรรมประกอบกับเราเป็นบริษัทที่เป็นบริษัทเทคโนโลยี company อยู่แล้วดังนั้นเราจึงมีความเข้าใจในเรื่องของเทคโนโลยีที่เข้าถึงแบบลึกซึ้งการเป็นแพลตฟอร์มหมายถึงการเข้ามาเซิร์ฟใน ecosystem ทั้งหมดสามารถที่จะเข้ามาใช้เทคโนโลยีได้” นายสมชายกล่าว
ทั้งนี้ “Moverse” เป็นผลิตภัณฑ์แรกของ iiV เป็นแพลตฟอร์มโซลูชันสำหรับธุรกิจประกันภัยรถยนต์ ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการขาย การตรวจสภาพรถยนต์ ไปจนถึงกระบวนการเคลม ตอบโจทย์ความต้องการของบริษัทประกัน โบรกเกอร์ รวมไปถึงผู้ใช้งานในอุตสาหกรรมประกันภัยทั้งระบบ เช่น ผู้เอาประกัน ศูนย์/อู่ซ่อมรถยนต์ และช่วยยกระดับประสบการณ์ (Customer Experience) ของลูกค้า หรือ ผู้เอาประกัน
สำหรับฟังก์ชันแรกที่ iiV เปิดให้บริการแล้ว คือ บริการตรวจสภาพรถยนต์ (Motor Inspection) ผ่านการถ่ายภาพ โดยใช้เทคโนโลยี AI ที่มีความแม่นยำเรื่องความเสียหายสูงถึง 97% ขั้นตอนใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก และลดระยะเวลาการนัดหมายการตรวจสภาพรถยนต์ ซึ่งต่างจากการตรวจสภาพรถยนต์รูปแบบเดิม บริษัทประกัน หรือ นายหน้าประกันภัย หรือ Broker สามารถสร้างและส่งลิงค์การตรวจสภาพรถยนต์ไปให้ลูกค้าหรือผู้ตรวจสภาพรถยนต์ผ่านทาง SMS หลังจากลูกค้า หรือผู้ตรวจสภาพรถยนต์ได้รับ SMS แล้ว ก็สามารถดำเนินการตรวจสภาพรถยนต์ผ่านบนมือถือสมาร์ทโฟนได้ด้วยตนเองทันที ด้วยการถ่ายรูปผ่าน Web Browser โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม ทั้งนี้ AI จะช่วยควบคุมคุณภาพของภาพถ่าย มุมการถ่ายภาพ แสง และการสั่น เพื่อให้ได้ภาพที่ถูกต้อง แม่นยำ มีคุณภาพ และยังสามารถติดตามผลการอนุมัติผ่านมือถือสมาร์ทโฟนได้แบบ Realtime ได้อีกด้วย
ในส่วนของบริษัทประกัน และนายหน้าประกัน (Broker) แพลตฟอร์ม Moverse จะช่วยลดต้นทุนการเดินทาง และระยะเวลาในการตรวจสภาพรถยนต์ ประกอบกับเทคโนโลยี AI ที่มีความแม่นยำสูง จะช่วยให้บริษัทประกันได้รับภาพถ่ายที่มีคุณภาพ ลดโอกาสในการเกิดความผิดพลาด เช่น ภาพถ่ายที่ไม่ชัดเจน หรือภาพไม่ครบถ้วนได้ นอกจากนี้ AI ยังสามารถช่วยประเมินความเสียหาย และประเมินราคาได้ ปัจจุบัน iiV ได้เริ่มให้บริการ Moverse สำหรับฟังก์ชันด้านการตรวจสภาพรถยนต์ แก่ธุรกิจประกันรายใหญ่ไปแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี บริษัทจึงมีแผนขยายการให้บริการด้านการขายประกันรถยนต์ และการเคลม ภายในสิ้นปีนี้ กำลังเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านดิจิทัลอินชัวรันส์แบบครบวงจร ตั้งแต่การขายไปถึงการให้บริการหลังการขาย
“ แพลตฟอร์ม Moverse สำหรับประกันภัยรถยนต์ที่ iiV พัฒนาขึ้น เป็นแพลตฟอร์มกลาง (Common Platform) ที่เป็น Configuration-based สามารถปรับการใช้งานให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะเจาะจงของผู้ใช้บริการที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น บริษัทประกัน หรือ นายหน้าประกัน (Broker) ทุกราย ที่เข้ามาใช้บริการได้ โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นรายเล็ก หรือรายใหญ่ และให้บริการแบบจ่ายตามจำนวนครั้งที่ใช้งานจริง (Pay Per Use) หรือใช้เท่าไหร่จ่ายเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนในการให้บริการลดต่ำลง เนื่องจากไม่ต้องจ่ายค่า License การใช้ซอฟต์แวร์ ไม่ต้องจ้างที่ปรึกษาเพื่อวางแผนพัฒนาระบบ และที่สำคัญ เป็นแพลตฟอร์มการให้บริการแบบครบวงจร ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม Moverse คือหนึ่งส่วนสำคัญในการต่อยอดธุรกิจตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ด้านการเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีประกัน (Insurtech) และเทคโนโลยีสุขภาพ (Healthech) ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ” นายสมชาย กล่าว