“คนร้าย 2 คน” ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการจับกุมและใส่กุญแจมือล่ามโซ่ไว้ด้วยกัน พาขึ้นรถของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับยกเว้น ไม่ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย ไปสอบสวนที่สถานีตำรวจ
ระหว่างทางคนร้ายคนที่ 1 กระโดดลงจากรถ เพื่อจะหลบหนีการจับกุม ทำให้คนร้ายคนที่ 2 ซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย ตกลงมาจากรถด้วยเช่นกัน เป็นผลให้ทั้งสองคนถึงแก่ความตาย
ในกรณีนี้ ทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัยถึงแก่ความตาย ของทั้งสองคนมีสิทธิที่จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นจากสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถหรือไม่ ?
ต้องบอกว่า “ผู้ประสบภัยที่มีสิทธิ ที่จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้น จากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถนั้น ต้องเป็นความเสียหาย อันเกิดจากรถ หรือจากสิ่งที่บรรทุกหรือติดตั้งในรถนั้น โดยเจ้าของรถ/ผู้ขับขี่รถเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายนั้นขึ้น. แต่ในกรณีนี้ คนร้ายคนที่ 1 ได้กระโดดลงจากรถ เพื่อใหัรอดพ้นจากการถูกจับกุม
ทว่าในกรณีนี้ ไม่ได้เกิดจากรถ แต่เกิดจากการกระทำของคนร้าย ซึ่งผู้ขับขี่รถไม่ได้กระทำโดยประมาท ปราศจากความระมัดระวังแต่อย่างใด ดังนั้นคนร้ายทั้งสองคนจึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นจากเงินกองทุนแต่อย่างใด”
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า คนขับรถของตำรวจ ไม่ได้ประมาท สำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถ จึงไม่มีเงินที่ต้องจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่คนร้ายทั้งสองคน
โดยคนแรก ไม่สามารถเรียกร้องเอากับใครได้เลย แต่คนที่ 2 เรียกร้องเอากับคนที่ 1 ได้ เพราะคนที่ 1 รู้อยู่แล้วว่าการที่เขาจอดรถเพื่อหนีการจับกุมย่อมเกิดอันตรายกับคนที่ 2 ด้วยกรณีเช่นนี้ สมุดกฎหมายอาญาเรียกว่า ”เจตนาโดยย่อมเล็งเห็นผล”