ผู้เอาประกันภัยรถยนต์ ทำประกันภัยรถยนต์ย้อนหลังให้นับเนื่องต่อจากวันที่กรมธรรม์ฉบับเก่าหมดอายุ
เหตุผล ก็เพื่อให้คุ้มครองอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว หลังจากวันที่กรมธรรม์ฉบับเก่าสิ้นอายุ โดยตกลงกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับประกันภัยของบริษัท และเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับประกันภัย ก็ตกลงตามนั้น
เมื่อได้รับกรมธรรม์แล้ว ผู้เอาประกันภัยได้แจ้งขอรับค่าสินไหมทดแทนจากอุบัติเหตุดังกล่าว
บริษัทปฏิเสธการชดใช้ อ้างว่า “สัญญาประกันภัยเป็นโมฆะ”
ผู้เอาประกันภัยจึงฟ้องคดีต่อศาล
ถ้าท่านเป็นศาล ท่านจะตัดสินคดีนี้อย่างไร เพราะเหตุใดทำประกันภัยย้อนหลัง
ข้อกฎหมายที่ฝ่ายผู้เอาประกันภัย ควรหยิบยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ก็คือ “หลักกฎหมายปิดปาก“
หลักนี้ถือว่า ถ้านิ่งเฉยเสียหรือยอมรับตามที่คู่กรณีเสนอมา แล้วยังตกลงทำสัญญาด้วยถือว่าสัญญาสมบูรณ์
หลักกฎหมายปิดปาก ได้นำมาใช้ในกฎหมายระหว่างประเทศด้วย ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือคดีเขาพระวิหาร ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ถ้าเป็นภูเขาหรือเป็นเนินสูงให้ถือเอาสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดน ทว่าฝรั่งเศสได้เขียนแผนที่ มีเส้นกั้นอาณาเขต ล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย ทำให้ส่วนที่เป็นชง่อนผาอยู่ในเขตกัมพูชา ฝ่ายไทยยอมลงนามในสัญญาโดยไม่มีข้ออิดเอื้อน กฎหมายถือว่า ยอมรับ ทำให้ไทยแพ้คดีในศาลโลก
ทางด้านบริษัท ข้อกฎหมายที่ควรยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ก็คือ ความหมายของสัญญาประกันภัย ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 861 ที่สำคัญประการหนึ่ง ก็คือ คำว่า “วินาศภัยหากมีขึ้น….ในอนาคต“
ซึ่งต้องเป็นเหตุที่ไม่แน่นอน กล่าวคืออาจเกิดขึ้น หรือไม่เกิดขึ้นเลยตลอดอายุสัญญาประกันภัยก็ได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว จะเอามาประกันภัยไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว บริษัทย่อมไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย
ตามศาลฎีกาโดยคำพิพากษาที่
2513/2518 วินิจฉัยว่า “บริษัทไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย เหตุผลเกิดเนื่องจาก วินาศภัย ได้เกิดขึ้นแล้ว มิใช่ภัยที่อาจมีขึ้นในอนาคต”