กลุ่มบริษัทเอไอเอ เผยผลงานปี 64 สุดแกร่ง พร้อมซื้อหุ้นคืนมูลค่า 10,000 ล้าน USD

0
154

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยถึงผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ในปี 2564 ว่า มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งมากโดยมีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้น 18% และมีอัตราการเติบโตในทุกตัวชี้วัดด้านการเงินที่สำคัญรวมถึงสามารถสร้างสถิติมูลค่าหุ้นตามมูลค่าธุรกิจ (EV Equity) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 75 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทนอกฮ่องกงสูงกว่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงการเติบโตในทุกตัวเลขที่รายงานเมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ สถานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่งมาก โดยมีเงินกองทุนส่วนเกินโดยประมาณการที่ 24.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยคณะกรรมการฯ ได้อนุมัติการคืนทุนให้กับผู้ถือหุ้น 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนในช่วงสามปีข้างหน้าอันแสดงถึงทุนสะสมเกินความต้องการของบริษัทฯ ที่ทำให้เกิดสภาวะกดดันในตลาดทุนและการรักษาเงินทุนไว้สำหรับคงความยืดหยุ่นทางกลยุทธ์และการเงิน การคืนทุนนี้ช่วยเพิ่มผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น และยังรักษาความแข็งแกร่งทางการเงินที่ทำให้เอไอเอสามารถต่อยอดการลงทุนได้อย่างมั่นใจเพื่อสร้างการเติบโตได้ในอนาคต

“นับตั้งแต่การเสนอขายหุ้น IPO เราให้ความสนใจการเติบโตของผลกำไรอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างผลตอบแทนที่น่าดึงดูด และการลงทุนธุรกิจใหม่ของเราที่ 16.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ได้เพิ่มมูลค่าของรายได้ที่สามารถส่งมอบให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ในอนาคตถึง 44.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 2564 เราได้ลงทุนมูลค่า 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต และเพิ่มการเปิดรับตลาดธุรกิจประกันชีวิตที่น่าสนใจเป็นอย่างมากในประเทศจีนผ่านการลงทุนในบริษัท China Post Life Insurance Co., Ltd. (China Post Life) รวมถึงการขยายช่องทางการขายของเราโดยร่วมเป็นพันธมิตรกับธนาคารแห่งเอเชียตะวันออก หรือ BEA นอกจากนี้ เราวางแผนที่จะลงทุนสูงถึง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2566 พร้อมกับการปรับตัวในการใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล และการวิเคราะห์ทั่วทั้งกลุ่มบริษัทเพื่อรองรับเป้าหมายการเติบโตในอนาคตของเรา” นายหลี หยวน ชยอง กล่าว

อไอเอ ประเทศจีน ยังคงเป็นตลาดที่โดดเด่นสร้างมูลค่าธุรกิจให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอมากที่สุด มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ 10% โดยได้รับแรงหนุนจากผลงานที่มีประสิทธิภาพของตัวแทน สามารถสร้างมูลค่าการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักในปี 64 ขณะที่จำนวนตัวแทนในช่วงครึ่งปีแรกลดลงเล็กน้อย บริษัทจึงเริ่มการสรรหาตัวแทนใหม่เพิ่มเติม ซึ่งประสบความสำเร็จทำให้ยอดพลังตัวแทนกลับมาสร้างการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังรวมทั้งช่วยเจาะตลาดธุรกิจประกันชีวิตในประเทศจีนเพิ่มขึ้น ซึ่งยังมีศักยภาพในการเติบโตของตลาดอีกมหาศาล ทั้งนี้เอไอเอมองเห็นโอกาสสำคัญใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้าวางแผนทางการเงินในระยะยาวรวมถึงวางแผนการเกษียณอายุ ด้วยข้อเสนอแผนการออมระยะยาวชุดใหม่ ที่จะสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่และเพิ่มสัดส่วนการออมเงินออมของลูกค้าปัจจุบันมากขึ้น

“หลังจากเปิดตัวสาขาเสฉวนในเดือนมีนาคมในปีที่ผ่านมา และสาขาใหม่ในมณฑลหูเป่ยในเดือนมกราคม 2565 เอไอเอ มีความก้าวหน้าอย่างแข็งแกร่งพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของตัวแทนระดับพรีเมียร์ในพื้นที่ใหม่ ๆ ด้วยมูลค่าธุรกิจที่เติบโตเพิ่มขึ้น 74% จากมณฑลเทียนจิน ฉือเจียจวง และเสฉวน เมื่อเทียบกับปี 2563 เอไอเอ ประเทศจีน กำลังใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงโมเดล การขายประกันชีวิตผ่านธนาคารพาณิชย์ (Bancassurance) ในจีนแผ่นดินใหญ่ และเราได้เปิดตัวความร่วมมือพิเศษระหว่าง BEA ในปี 2564 รวมถึงการลงนามความร่วมมือใหม่ในการขายประกันชีวิตผ่านธนาคารพาณิชย์ กับ Postal Savings Bank of China Co., Ltd เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา” เขากล่าว

ในปี 64 มูลค่าธุรกิจใหม่ของฮ่องกงมีการเติบโตถึง 37% จากกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ เนื่องจากจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงระงับโครงการการท่องเที่ยวแบบส่วนบุคคล (Individual Visit Scheme) กับฮ่องกงตลอดปี ในส่วนของ มาเก๊า โครงการฯ ดังกล่าวได้กลับมาดำเนินการอีกใหม่ส่งผลให้ยอดขายของสาขามาเก๊ามีอัตราการเติบโตอย่างยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับปี 63 มาจากนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ และจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เรือธงใหม่ เอไอเอ ฮ่องกง เป็นการเติบโตทั้งจากช่องทางตัวแทนและช่องทางการขายผ่านธนาคาร ในส่วนของช่องทางธนาคารส่วนสนับสนุนสำคัญมาจากการเริ่มความร่วมมือใหม่กับ BEA ที่เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 64 และ ในเดือนมีนาคม 65 เอไอเอ ได้ประกาศความร่วมมือกับ BEA และเข้าซื้อกิจการบริษัท Blue Cross (Asia-Pacific) Insurance Limited เพื่อเพิ่มกลยุทธ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในฮ่องกง

“ผมรู้สึกยินดีกับความสำเร็จจากการลงทุนในสัดส่วน 24.99% ในบริษัท China Post Life Insurance Co., Ltd. (China Post Life) ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตในเครือธนาคารที่เป็นผู้นำในตลาดลูกค้ามั่งคั่ง เพื่อเสริมความมุ่งมั่นในการส่งมอบความคุ้มครองทางการเงินให้แก่ลูกค้าในวงกว้าง รวมถึงครองตลาดลูกค้ามั่งคั่งในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเอไอเอที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดลูกค้าในตลาดประกันชีวิตของจีน ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ช่วยเติมเต็มกลยุทธ์ของเอไอเอ ประเทศจีน ในการมุ่งเป้าไปที่ลูกค้าระดับกลาง และลูกค้ามั่งคั่ง อีกทั้งยังส่งเสริมให้เอไอเอ ได้ประโยชน์จากการเติบโตที่สูงขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่จากลูกค้ากลุ่มดังกล่าว” เขากล่าว

สำหรับ เอไอเอ ประเทศไทย ในปีที่ผ่านมา มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 34% สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงรุกในการผสมผสานระหว่างผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุนและผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตทั่วไป รวมถึงการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักทั้งในช่องทางการขายผ่านตัวแทนและพันธมิตรของเรา ในประเทศสิงคโปร์มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 6% และการใช้เครื่องมือดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นของตัวแทนสามารถช่วยลดผลกระทบจากข้อจำกัดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อที่รุนแรงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

เอไอเอ ประเทศมาเลเซีย มีมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตขึ้น 26% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดของช่องทางตัวแทน พันธมิตรช่องทางการขาย และการเติบโตของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบตะกาฟุล เมื่อเปรียบเทียบตลาดประเทศอื่น ๆ ที่เราทำธุรกิจอยู่ ซึ่งมีมูลค่าธุรกิจใหม่ในปี 64 สูงกว่า บนพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน โดยการเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงครึ่งปีแรกถูกหักลบด้วยมาตรการควบคุมโรคระบาดที่เข้มงวดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเพิ่มกลยุทธ์หลักที่สำคัญโดยการปรับองค์กรให้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และเชื่อมต่อกันมากขึ้นการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้อย่างรวดเร็วและขยายการใช้งานด้านเทคโนโลยี ดิจิทัล และการวิเคราะห์ของกลุ่มบริษัท เป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จที่ทำให้เราก้าวผ่านสถานการณ์โรคระบาดและสนับสนุนให้เราสามารถสร้างโอกาสในการเติบโตใหม่ ๆ ผ่านดิจิทัลโมเดล ที่ช่วยเพิ่มผลผลิตจากช่องทางการขายต่าง ๆ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพ และช่วยปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าให้ดีขึ้น

นายหลี่ หยวน ชยอง กล่าวอีกว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เอไอเอได้ประกาศการก่อตั้งธุรกิจเฮลธ์ อินชัวร์เทค ซึ่งเป็นนวัตกรรมดิจิทัลด้านสุขภาพ และให้บริการภายใต้ชื่อ “แอมพลิฟายเฮลธ์” โดยร่วมมือกับบริษัท ดิสคัฟเวอรี่ จำกัด (ดิสคัฟเวอรี่) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเอไอเอ ไวทัลลิตี้ มาอย่างยาวนาน โดยได้รับโอกาสอย่างมากมายจาก “แอมพลิฟายเฮลธ์” ด้วยค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพในตลาด ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะมากกว่า 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 จากความร่วมมือกันอย่างดีที่สุดระหว่างสองบริษัท โดยเอไอเอ เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีแพลตฟอร์มช่องทางการขายที่มีประสิทธิภาพ และศักยภาพด้านเทคโนโลยีของดิสคัฟเวอรี่ที่ถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้รับการยอมรับมานานกว่า 3 ทศวรรษ ตลอดจนความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพ วิสัยทัศน์ของเอไอเอสำหรับ “แอมพลิฟายเฮลธ์” ก็คือการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของลูกค้าบุคคล ลูกค้าองค์กร คู่ค้า และผู้ให้บริการ พร้อมทั้งการจัดการด้านประกันสุขภาพและส่งมอบการดูแลด้านสุขภาพ ช่วยให้ผู้ป่วยและคนทั่วทั้งเอเชียมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น

เอไอเอ มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ดังที่เราวาดอนาคตที่ยั่งยืนให้กับชุมชนของเราในภูมิภาคเอเชีย ในปี 2564 เราได้ขยับตัวเองไปข้างหน้าด้วยความตั้งใจของเราในการประกาศกลยุทธ์ใหม่ นั่นคือ กลยุทธ์ ESG รวมถึงการถอนการลงทุนทั้งหมดในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเหมืองแร่ถ่านหินและพลังงานถ่านหิน 7 ปีล่วงหน้า และในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เรายังได้ให้คำมั่นสัญญาว่าเราจะเป็นบริษัทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศให้เท่ากับศูนย์ภายในปี 2593

“ด้วยความทุ่มเทของทีมงานที่ได้สร้างการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในปี 2564 รวมทั้งยังได้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของเอไอเอ และสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน ผมมั่นใจว่าเป้าหมายในระยะยาวสำหรับธุรกิจทั้งหมดของเราจะยังคงสดใสอย่างแน่นอน โดยมีแรงผลักดันที่ช่วยขับเคลื่อนจากความต้องการภายในประเทศ และแนวโน้มของประชากรในเอเชีย ที่สำคัญเราจะยังคงยึดมั่นตามคำมั่นสัญญาของเราในการช่วยสนับสนุนผู้คนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามกลยุทธ์หลักที่สำคัญเพื่อช่วยสร้างคุณค่าระยะยาวที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของเราทุกฝ่าย”

ผลประกอบการของธุรกิจใหม่

  • มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เป็น 3,366 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่รายงานบนพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน(1)
  • เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เป็น 5,647 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 6.3 จุด เป็นร้อยละ 59.3

รายได้และทุน

  • ส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) อยู่ที่ 6,451 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8
  • กำไรจากการดำเนินงานมูลค่ารวม (EV) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เป็น 7,896 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เป็น 6,409 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • เงินกองทุนส่วนเกิน เพิ่มขึ้นระหว่างมูลค่า 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถึง 17 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นมูลค่า 24.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยประมาณการ(2)
  • มูลค่าหุ้นตามมูลค่าธุรกิจ (EV Equity) ทำสถิติสูงสุดใหม่ 75 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13
  • มูลค่าหุ้นส่วนของผู้ถือหุ้นที่จัดสรรจำนวน 52.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11
  • Group Local Capital Summation Method (LCSM) ของกลุ่มบริษัท ครอบคลุมอัตราส่วน(3) ร้อยละ 399

เงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน

  • เงินปันผลสุดท้าย 108.00 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น
  • เงินปันผลรวม 146.00 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 8
  • โครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ(4)

หมายเหตุ:

(1) การเติบโตอยู่บนพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งไม่รวมการหักภาษี ณ ที่จ่าย ร้อยละ 5 ที่เริ่มใช้ในเดือนกรกฎาคม 2563 สำหรับเอไอเอ ประเทศจีน และไม่รวมผลประกอบการของธนาคาร Commonwealth Bank of Australia (CBA) ในไตรมาสแรกของปี 2563 สำหรับตลาดอื่น ๆ

(2) เงินกองทุนส่วนเกินโดยประมาณการ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 ตั้งอยู่บนสมมติฐานการปรับใช้ข้อกำหนดใหม่ของการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงของฮ่องกง และกำไรส่วนเกินปัจจุบันที่ถือครองโดยกลุ่มบริษัท

(3) ในปี 2564 สำนักงานกำกับดูแลธุรกิจประกันในฮ่องกงได้ตั้งระเบียบในการกำกับดูแลธุรกิจแบบรวมกลุ่มใหม่ ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 กลุ่มบริษัทเอไอเอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ต้องดำเนินการตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจแบบรวมกลุ่มในฮ่องกง โดย Group LCSM ครอบคลุมสัดส่วนของทุนปัจจุบันจนถึงระดับต่ำสุดของทุนที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นฐานบนวิธีการคำนวณแบบ Local Capital Summation Method (LCSM) 

(4) อ้างอิงแยกกับการประกาศรายละเอียดโปรแกรมการซื้อหุ้นคืน

(5)  เขตปกครองพิเศษฮ่องกง (Hong Kong SAR)

(6)  เขตปกครองพิเศษมาเก๊า (Macau SAR)

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่