มูลนิธิวีซ่าสนับสนุนเงิน 210 ล้านเหรียญ ช่วยผู้ประกอบการ SME พร้อมเผยแผนเยียวยารับโควิด-19 อย่างเร่งด่วน

0
60

        มูลนิธิวีซ่า (Visa Foundation)ประกาศแผนงานจัดเตรียมเงินจำนวน 210 ล้านดอลลาห์สหรัฐ สำหรับสองโครงการเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมและรายย่อย สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายระยะยาวของมูลนิธิฯ ในการส่งเสริมความก้าวหน้าและการพัฒนาการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของสตรี และตอบสนองกับปัญหาเร่งด่วนของชุมชนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

        โครงการแรก มูลนิธิวีซ่าได้จัดสรรเงินจำนวน 10 ล้านดอลลาห์สหรัฐ สำหรับการเยียวยาฉุกเฉินอย่างเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรการกุศลต่างๆ ที่เป็นด่านหน้าในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่น การบรรเทาปัญหาด้านการสาธารณสุขและอาหาร ทั่วทั้ง 5 ภูมิภาคที่วีซ่าดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1) อเมริกาเหนือ 2) อเมริกาใต้และแคริบเบียน 3) ยุโรป 4) เอเชียแปซิฟิก 5) ยุโรปตอนกลาง ตะวันออกกลาง และแอฟริกา

        ขณะที่การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ชุมชนต่างๆ ล้วนได้รับผลกระทบและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน มร.อัลเฟรด เอฟ. เคลลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการของวีซ่า กล่าวว่า การที่บริษัทระดับโลกอย่างวีซ่าดำเนินกิจการเคียงข้างกับธุรกิจระดับท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ทำให้ได้รับรู้ถึงความต้องการเหล่านี้ โดยวีซ่าให้คำมั่นที่จะสนับสนุนการฟื้นฟูในระยะยาวและจะดำเนินการมองหาหนทางต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับพันธกิจของเราที่จะช่วยให้ร้านค้า ธุรกิจไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และเศรษฐกิจทั่วโลกเจริญเติบโตต่อไป

        ส่วนโครงการที่สอง เป็นแผนงานเชิงกลยุทธ์ระยะเวลา 5 ปี พร้อมเงินทุนจำนวน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะให้การสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมและรายย่อยทั่วโลก โดยมุ่งเน้นในการส่งเสริมความก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจของสตรี โครงการนี้ขยายขอบข่ายการสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมและรายย่อยทั่วโลกที่มีมาอย่างยาวนานของมูลนิธิวีซ่า กองทุนจากวีซ่าจะเป็นเงินทุนให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไรต่างๆ และพันธมิตรด้านการลงทุนที่สนับสนุนวิสาหกิจขนาดย่อมและรายย่อย

        ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมและรายย่อยถือเป็นแกนหลักของเศรษฐกิจโลก ซึ่งครอบคลุมกว่า 90% ของธุรกิจทั่วโลก และ 50 – 60 % ของการจ้างงาน[i] แต่ละปีมีการขาดดุลเครดิตถึงสามแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนของแหล่งเงินทุนสำหรับธุรกิจขนาดย่อมและรายย่อยที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ จากสถานการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19[ii]

        “เวลานี้สำคัญอย่างยิ่งที่วีซ่าจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีแก่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมและรายย่อยเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจเนื่องจากผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมและรายย่อยจำนวนมากเป็นผู้หญิงการสนับสนุนครั้งนี้จึงจะสร้างผลที่ต่อเนื่องเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของสตรี ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดในการบรรลุความเสมอภาคทางเพศ ลดความยากจน และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม” เคลลี่ กล่าว

        จากเงินทุน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการเพื่อช่วยเหลือเหล่าธุรกิจขนาดย่อมและรายย่อย มูลนิธิวีซ่าจะมอบเงิน 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่องค์กรพัฒนาเอกชนที่ช่วยเหลือเจ้าของธุรกิจขนาดย่อมและรายย่อยซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ในทุกภูมิภาคที่วีซ่าดำเนินกิจการ โดยเงินอีก 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐจะนำไปจัดสรรในการลงทุนกับพันธมิตรของวีซ่าที่สร้างผลประโยชน์ให้สังคมและสร้างผลตอบแทนทางการเงินที่ดีสำหรับธุรกิจขนาดย่อมและรายย่อย

         “เงินทุนบริจาค 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของวีซ่าเพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดย่อมและรายย่อย โดยมุ่งเน้นในการสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของผู้หญิงทั่วโลกเพราะเมื่อผู้หญิงประสบความสำเร็จชุมชนก็จะเจริญรุ่งเรืองเช่นกัน โดยตระหนักถึงความสำคัญในการช่วยเหลือในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก” แกรห์ม แมคมิลลัน ประธานมูลนิธิวีซ่า กล่าว

         สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมและรายย่อยถือเป็นแกนหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย วีซ่าได้มีการลงทุนในด้านการพัฒนาสาธารณูปโภคสำหรับการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคชาวไทยถึงผลประโยชน์ต่างๆ ของการชำระผ่านระบบดิจิทัล และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยในการเดินหน้าก้าวสู่การเป็นสังคมไร้เงินสดอย่างในอนาคต

         “ในช่วงเวลาที่ชุมชนทั้งในระดับโลก และท้องถิ่นกำลังเผชิญกับความท้าทาย วีซ่ายังคงมุ่งมั่นในการสนับสนุนให้การชำระเงิน ธุรกิจ และการค้าสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเรายังทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับลูกค้า  พันธมิตร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทางธุรกิจต่างๆ ของเราเพื่อเตรียมพร้อมเมื่อสถานการณ์คลี่คลายในอนาคตอีกด้วย” คุณสุริพงษ์ กล่าวสรุป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่