บอร์ด TQM เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด 1 บาท/หุ้น สวนกระแสเศรษฐกิจ หลังผลประกอบการครึ่งแรกปี 63 เติบโตกำไรรวม 2 ไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะ 342 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 50% ตามยอดขายประกันพุ่ง ผู้บริหารชี้เร่งเดินหน้าเจรจาร่วมทุนประกันภัย กัมพูชา-สปป.ลาว คาดปิดดีลภายในปีนี้ และ M&A ในประเทศ 2 บริษัท พร้อมเตรียมตั้งบริษัทรับเคลม รองรับตลาดประกัน A&H ในประเทศพุ่ง-เสริมความแข็งแกร่งงานด้านบริการแบบครบวงจร ควบคู่การเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “ประกันสุขภาพ” ต่อยอดความสำเร็จประกันเฉพาะกลุ่ม และ “Unemployment” เพิ่มโอกาสการเข้าถึงประกันของกลุ่มคนว่างงาน พร้อมผนึกบาเนียนำ Big Data วิเคราะห์ข้อมูลการนำเสนอประกันภัยบ้านเชิงลึก ต่อยอดการเติบโตครึ่งปีหลังอย่างโดดเด่นและแข็งแกร่ง
ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานกรรมการ บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM ผู้นำด้านที่ปรึกษาประกันภัยและการเงิน เปิดเผยว่า ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 63 ได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด (งวด 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 63) จำนวน 1 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 99% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิ (Record date) วันที่ 24 สิงหาคม 63 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 8 กันยายน 63 หลังภาพรวมผลประกอบการครึ่งแรกปี 63 เติบโตโดดเด่น
ทั้งนี้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 2 ไตรมาส 342 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 49.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่(New High) ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าบริการที่มาจากยอดขายประกันภัยเกือบทุกประเภทเติบโตขึ้นในทุกช่องทางถึง 16.7% แตะ 1,543 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยสามารถบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการครึ่งปีแรกอยู่ที่ 769 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.5% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการให้บริการ บริษัทฯ จึงสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ได้ในระดับสูงที่ 50.2% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 375 ล้านบาท ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ในระดับ 21.8%
ดร.อัญชลิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงมั่นใจในการเติบโตว่ายังคงคงโดดเด่นและแข็งแกร่งมากขึ้นจากครึ่งปีแรก จากแผนงานที่เตรียมไว้ทั้ง Organic Growth และ Inorganic Growth โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุน (M&A) กับประกันภัยในประเทศกัมพูชาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เบื้องต้นคาดจะสามารถปิดดีลได้ภายในปีนี้ พร้อมเดินหน้าเจรจา M&A ภายในประเทศ 2 บริษัท รวมไปถึงการเตรียมตั้งบริษัทรับเคลมประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ (A&H) รองรับตลาดประกันสุขภาพภายในประเทศที่กำลังเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากแนวโน้มอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) รวมถึงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคมีความตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการซื้อประกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนับเป็นการต่อยอดความแข็งแกร่งงานด้านบริการแบบครบวงจร
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ผนึกความร่วมมือพันธมิตรคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆต่อเนื่อง โดยล่าสุดเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งประกันสุขภาพเพื่อต่อยอดความสำเร็จจากประกันสุขภาพเฉพาะกลุ่ม และประกัน Unemployment เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงประกันให้กับกลุ่มคนว่างงาน รวมไปถึงการผนึกความร่วมมือบริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด นำ Big Data มาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อนำเสนอประกันภัยบ้านรูปแบบใหม่ได้ตรงความต้องการของลูกค้าอย่างแม่นยำ ต่อยอดการเติบโตช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ให้โดดเด่นและแข็งแกร่งขึ้นจากครึ่งปีแรก