จิตตะ เวลธ์ พิสูจน์ความสำเร็จ “Jitta Ranking” ใช้ AI บริหารกองทุนส่วนบุคคลสร้างผลตอบแทนเหนือตลาด ช่วยนักลงทุนเข้าถึงหุ้นคุณค่าทั่วโลก เผยหุ้นเวียดนามผลตอลแทนเฉลี่ยสูง 31.92% ต่อปี จากการนำเทคโนโลยีมาบริหารกองทุนส่วนบุคคล เดินหน้าลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำ และค่าธรรมเนียม เอื้อนักลงทุนเข้าถึง “หุ้นดีราคาถูก” ตาม แนวทาง Warren Buffett
นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking บริหารโดยเทคโนโลยี AI คัดเลือกหุ้นดีราคาถูกให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนในหุ้นต่างประเทศแบบเน้นคุณค่า ได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชีย เช่น เวียดนาม ที่กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดย Jitta Ranking เวียดนาม ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 28.09% เทียบกับดัชนีผลตอบแทนรวมของตลาดหุ้นเวียดนาม (VNINDEXTR) ที่ 19.02% ขณะที่ Jitta Ranking จีน ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 17.28% ต่อปี เทียบกับดัชนี CSI300 ที่ 10.06% และ Jitta Ranking หุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 17.19% ต่อปี เทียบกับดัชนีผลตอบแทนรวมตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI) ที่ 8.29%
นอกจากนี้ หุ้นบริการสุขภาพสหรัฐฯ หรือ Jitta Ranking US Healthcare แผนลงทุนที่เพิ่งเปิดตัว ให้ผลตอบแทน 23.82% เทียบกับ S&P Health Care Index TR ที่ 16.57% และแผนล่าสุด Jitta Ranking ญี่ปุ่น ให้ผลตอบแทนถึง 26.12% เทียบกับดัชนี Topix ที่ 13.01%
จิตตะ เวลธ์ ให้บริการกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking ด้วยการนำ อัลกอริทึมของ AI มาวิเคราะห์จัดอันดับจากหุ้นในประเทศนั้นๆประมาณ 5-30 ตัว เพื่อเฟ้นหา “หุ้นดีราคาถูก น่าลงทุน” มาจัดพอร์ตให้เหมาะกับการลงทุนระยะยาว ตามหลักการลงทุนเน้นคุณค่าของ Warren Buffett นักลงทุนระดับโลก โดยดูจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ คุณภาพของธุรกิจ มูลค่าที่เหมาะสม และโอกาส เติบโตสร้างกำไรของธุรกิจ และมีการปรับพอร์ตอย่างเป็นระบบทุกๆ 3 เดือน เพื่อผลตอบแทนชนะดัชนีตลาดในระยะยาว
ทั้งนี้การใช้เทคโนโลยี AI มาบริหารกองทุนส่วนบุคคล จะช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนหุ้นต่างประเทศที่มีคุณภาพได้ด้วยวงเงินลงทุนขั้นต่ำที่ไม่สูงมาก และมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนส่วนบุคคลที่มีในตลาด โดยไม่ต้องใช้เวลาศึกษาหรือติดตามความเคลื่อนไหวของหุ้นในประเทศนั้นๆ ด้วยตัวเอง
ปัจจุบันกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking มีนโยบายลงทุนให้นักลงทุนได้เลือก ทั้งหมด 7 นโยบาย คือ หุ้นไทย หุ้นเวียดนาม หุ้นญี่ปุ่น หุ้นจีน หุ้นสหรัฐฯ หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และหุ้นสุขภาพสหรัฐฯ
“Jitta Wealth มีเทคโนโลยีและหลักการที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนหุ้นต่างประเทศ โดยที่ไม่ต้องติดตามหุ้นเอง เพราะหลักการลงทุนที่ดีจะช่วยบริหารจัดการความมั่งคั่ง ให้นักลงทุนรายย่อยจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างเหมาะสม และเก็บค่าธรรมเนียมต่ำ เพื่อให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ ซึ่งผลตอบแทนที่ผ่านมา พิสูจน์ว่าทำได้จริง”
นายตราวุทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดได้ปรับลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำของ Jitta Ranking ทุกนโยบายจาก 1 ล้านบาท เป็น 5 แสนบาท เพื่อให้นักลงทุนเข้าถึงโอกาสการลงทุนหุ้นคุณค่าได้ง่าย และยังปรับลดเงินเพิ่มทุนจาก 100,000 บาทต่อครั้ง เป็น 50,000 บาทต่อครั้ง พร้อมปรับค่าธรรมเนียมการโอนเงินจาก 1,000 บาทต่อครั้ง เป็น 500 บาทต่อครั้ง ให้สอดคล้องกับวงเงินที่ลดลงไปอีกด้วย
“เราปรับลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำใน Jitta Ranking อย่างต่อเนื่อง จากช่วงเริ่มต้น 3 ล้านบาท ลดลงมาอยู่ 1 ล้านบาท และล่าสุดเหลือ 5 แสนบาท รองรับความต้องการลงทุนจากนักลงทุนที่เชื่อมั่นในหลักการลงทุนของ Jitta Ranking และก่อนหน้านี้ได้ปรับลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำสำหรับแผนลงทุน Global ETF และ Thematic มาเหลือ 50,000 บาท และยังคงเดินหน้าปรับลดวงเงินเพื่อให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนแบบคุณค่าได้ง่ายขึ้นอีกแน่นอน”
สำหรับการปรับลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำ ไม่ได้ส่งผลกระทบกับโอกาสในการสร้างผลตอบแทน โดยผลตอบแทนย้อนหลัง จากการจำลอง Back Test ที่ได้ปรับลดวงเงินเริ่มต้นมาอยู่ที่ 500,000 บาท พบว่าส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเช่น Jitta Ranking เวียดนามที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 31.92% หุ้นไทย 17.50% หุ้นสหรัฐฯ อยู่ที่ 16.15% หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ อยู่ที่ 23.86%
ผู้สนใจกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth นโยบายการลงทุน Jitta Ranking ดูข้อมูลได้ที่ https://jitta.co/3RDYxxY หรือปรึกษาผู้แนะนำการลงทุนได้ที่ LINE @JittaWealth