กรุงศรี คอนซูมเมอร์ โชว์ 9 เดือนโตแข็งแกร่ง อัดโปรฯท้ายปี ดันยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 350,000 ล้านบาท

0
31

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เผยผลงาน 9 เดือน ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 262,000 ล้านบาท โต 11% สินเชื่อใหม่ 67,000 ล้านบาท โต 6%  เตรียมรุกตลาด ยกระดับบริการผ่านช่องทางดิจิทัล พร้อมจับมือพันธมิตรอัดโปรสุดพิเศษทั้ง เที่ยว ช้อป ประกันภัย ตั้งเป้าปี 2566 ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 350,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อใหม่ 97,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 154,000 ล้านบาท

นางสาวณญานี เผือกขำ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล  ประกอบด้วย บัตรเครดิต กรุงศรี, บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์, บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน และบัตรเครดิตโลตัส  เปิดเผยถึงผลประกอบการเดือนมกราคม – กันยายน 2566 ว่า เติบโตแข็งแกร่ง สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว โดยมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 262,000 ล้านบาท เติบโต 11% ยอดสินเชื่อใหม่ 67,000 ล้านบาท เติบโต 6% จำนวนบัญชีลูกค้าใหม่ 416,000ราย เติบโต 31% 

จากความสำเร็จในการนำนวัตกรรมและข้อมูลมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทางการเงินและโปรโมชันที่ตรงใจลูกค้า และยกระดับคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการประสานความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในเครือกรุงศรีผ่านกลยุทธ์ Krungsri One Retail และพันธมิตรชั้นนำในธุรกิจอื่น ๆ เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจและผลิตภัณฑ์การเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้ายิ่งขึ้น

ด้านอัตราส่วนคงค้างของสินเชื่อของลูกหนี้ที่มีค่างวดค้างชําระเกินกว่า 90 วัน (DQ90+) อยู่ที่ระดับ 1.1% สำหรับบัตรเครดิต และ 2.5% สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อผ่อนชำระ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในธุรกิจ จากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม  โดยกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ยึดมั่นในนโยบายการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม และพร้อมให้ความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย ในการช่วยลดภาระให้ลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดี หรือได้รับผลกระทบจากโควิด 19 เช่น มาตรการสนับสนุนการรีไฟแนนซ์ เพื่อดูแลช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ

สำหรับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเดือนมกราคม – กันยายน 2566 หมวดที่มียอดใช้จ่ายสูงสุด ได้แก่ 1.ประกันภัย, 2. ปั๊มน้ำมัน, 3. ตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ในครัวเรือน, 4.ช้อปออนไลน์และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์, 5. ไฮเปอร์มาร์ทและซุปเปอร์มาร์เก็ต  ส่วนหมวดที่เติบโตสูง ได้แก่ 1. ตัวแทนท่องเที่ยว (+110%),  2. สายการบิน (+87%), 3. โรงแรม (+41%), 4.สาธารณูปโภค (+32%), 5. รถเช่า (+31%) แสดงให้เห็นถึงภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น และการบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลบวกให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลขยายตัวมากขึ้น

นางสาวณญาณี กล่าวเพิ่มเติมว่า  ปีนี้ได้ปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ทางการเงินดิจิทัล เช่น การขยายตลาดบัตรเครดิตและสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล  การพิจารณาสินเชื่อด้วยข้อมูลทางเลือกเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อให้ครอบคลุมกลุ่มต่างๆ การทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์  การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Chatbot มาช่วยพัฒนาคุณภาพการตอบคำถามลูกค้า  

นอกจากนี้ ยังประสานความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในเครือกรุงศรีผ่านกลยุทธ์ Krungsri One Retail และพันธมิตรชั้นนำในธุรกิจอื่น ๆ เพื่อนำเทคโนโลยีทางการเงินไปต่อยอดสร้างโมเดลธุรกิจและผลิตภัณฑ์การเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้ายิ่งขึ้น ซึ่งช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจของเราให้เติบโตอย่างยั่งยืน สามารถสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้ตามเป้าหมาย

สำหรับช่วงปลายปีคาดว่า ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรและสินเชื่อจะเติบโตได้ดีจากการท่องเที่ยว การจับจ่ายในช่วงเทศกาล รวมถึงการซื้อกองทุนและประกันภัย จึงจัดโปรโมชันสุดพิเศษ เช่น

-บัตรเครดิต กรุงศรี จัดแคมเปญ CASHBACK4ALL มอบเครดิตเงินคืนสุดคุ้ม รวมสูงสุด 5,700 บาท/บัญชีบัตรหลักตลอดรายการ เมื่อสะสมยอดใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไขที่กำหนด ครอบคลุมกว่า 17 หมวดที่ร่วมรายการ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 31 มกราคม 2567

-บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า แพลทินัม และเอ็กซ์ยู บัตรเครดิต ดิจิทัล จัดโปรโมชัน “ช้อป & เที่ยวปลายปี รับเงินคืนสุดคุ้ม” รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 9,600 บาท/บัญชีบัตรหลักตลอดรายการ เมื่อมียอดใช้จ่ายในหมวดช้อปปิ้งและท่องเที่ยวที่ร่วมรายการตามเงื่อนไข ตั้งแต่ 1 กันยายน  – 31 ธันวาคม 2566

-บัตรเครดิตในเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ ซื้อประกันการเดินทาง MSIG Travel easy บน UCHOOSE ผ่านลิงก์ที่กำหนดและชำระผ่านบัตรที่ร่วมรายการ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 10% ต่อเซลล์สลิป/การทำรายการ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 – 31 มกราคม 2567 เป็นต้น

“ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง และโปรโมชั่นพิเศษช่วงท้ายปี คาดว่าจะผลัดกันให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรและยอดสินเชื่อใหม่ในปีนี้ เติบโตตามเป้าหมาย โดยตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตร 350,000 ล้านบาท, ยอดสินเชื่อใหม่ 97,000 ล้านบาท และยอดสินเชื่อคงค้าง 154,000 ล้านบาท” นางสาวณญาณีกล่าวสรุป