สแตนดาร์ด จับมือแสนสิริ และซีจี แคปปิตอล ปักหมุด 2 เดสติเนชั่นระดับโลก “หัวหิน-ภูเก็ต”

0
120

Standard International แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกในธุรกิจไลฟ์สไตล์โฮเทล  จับมือ  แสนสิริ ผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ของไทย และ ซีจี แคปปิตอล บริษัทบริหารการลงทุนจากตระกูลจิราธิวัฒน์ ในรูปแบบกองทุน Private Equity ที่เจาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ เปิดตัวโครงการ “THE STANDARD RESIDENCES” โครงการที่พักอาศัยรูปแบ บbranded residences  2 ทำเลท่องเที่ยวระดับโลก  รวมมูลค่ากว่า 8,500 ล้านบาท

เดอะสแตนดาร์ดเรสซิเดนซ์หัวหิน โครงการbranded residences แห่งแรกในเอเชีย กับทำเลบีชฟร้อนท์สุด Rare บนชายหาดหัวหิน พร้อม experience facilities ระดับเวิลด์คลาส

เดอะสแตนดาร์ดเรสซิเดนซ์ภูเก็ตบางเทา (The Standard Residences, Phuket Bang Tao) ความลักซ์ชัวรี่แบบ super low density บนย่านที่ฮอตที่สุดในภูเก็ต  ด้วยจำนวน 188 ยูนิต บนที่ดิน 12 ไร่ หรือ 16 ยูนิตต่อไร่ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอยู่อาศัย และซื้อไว้เป็นฮอลิเดย์โฮม ด้วยดีไซน์ทันสมัย แปลกใหม่ และมาตรฐานที่ไม่เหมือนใครในแบบฉบับของ เดอะ สแตนดาร์ด

คุณอมาร์ ลัลวานี่ประธานกรรมการบริหาร Standard International กล่าวว่า จุดเด่นของแบรนด์เดอะ สแตนดาร์ด คือ การสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับผู้เข้าพัก ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบ และการบริการ การท่องเที่ยว อาหาร และความสนุกยามค่ำคืน รวมถึงกิจกรรมหลากหลายไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นโชว์ การจัดวางชิ้นงานศิลปะ อาหารมื้อพิเศษ ไลฟ์มิวสิกหรือดีเจชั้นนำระดับโลก เอ-ลิสต์ปาร์ตี้ ฉายภาพยนตร์รอบพิเศษ ไปจนถึงการเปิดตัวแบรนด์สินค้า

สำหรับ 2 โครงการใหม่  The Standard Residences, Hua Hin ที่ได้ร่วมกับบิ๊กแบรนด์  ดีเวลลอปเปอร์อย่าง แสนสิริ ผู้บุกเบิกตลาดอสังหาฯ และครองเจ้าตลาดอันดับหนึ่งในหัวหินมายาวนานถึง 40 ปี และ The Standard Residences, Phuket Bang Tao ที่ได้ดีเวลลอปเปอร์แถวหน้าอย่าง ซีจี แคปปิตอล ผู้บริหารกองทุน Private Equity ในเครือเซ็นทรัล จะเพิ่มมูลค่าของ branded residences ภายใต้แบรนด์ The Standard  และเป็นโครงการที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวที่มองหาบ้านพักตากอากาศที่มีเอกลักษณ์พร้อมบริการมาตรฐานระดับโลก รวมถึงตอบโจทย์งนักลงทุนที่เล็งเห็นศักยภาพของเมืองท่องเที่ยวระดับเวิร์ลคลาสทั้ง 2 เดสติเนชั่น

คุณอุทัย อุทัยแสงสุข  ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริพัฒนาโครงการรีสอร์ทคอนโดมิเนียม(รวม The Standard Residences, Hua-Hin) ในหัวหินมาแล้วจำนวนรวม 25 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 31,000 ล้านบาท โดย 22 โครงการ Sold out (ปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)  หัวหินจึงเป็นตลาดที่มีโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจสูง ส่งผลให้ดีมานด์ที่อยู่อาศัย Resort home เป็นบ้านหลังที่ 2 มากขึ้น ทั้งซื้อเพื่ออยู่เองเพื่อการลงทุนของชาวไทยและต่างชาติ

นอกจากนี้ การปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคหลัก และโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ รวมถึงการผลักดันให้หัวหินเป็น World Class City of Relaxation ศูนย์กลางของด้าน Wellness และ Medical Tourism Hub ทั้งการขยายสนามบินเพื่อรองรับไพรเวทเจ็ทของนักท่องเที่ยวกลุ่มลักซ์ซัวรี่ และตั้งเป้าให้เป็นสมาร์ทซิตี้ที่มีความทันสมัยและปลอดภัย  ที่สำคัญ branded residences เป็นรูปแบบอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนทั้งในลักษณะการปล่อยเช่า (Rental Yield) และการขายต่อในอนาคต (Capital Gain)

The Standard Residences, Hua Hin จึงเป็นโปรเจกท์ไฮไลท์ มูลค่าโครงการรวม 4,500 ล้านบาท โดยมี Beachfront branded residences ภายใต้แบรนด์ The Standard แห่งแรกในเอเชีย ที่กำหนดเปิดตัวเป็นแห่งที่ 3 ของโลก โครงการตั้งอยู่บนไพร์มโลเคชั่นบนที่ดินหายากติดหาดหัวหิน   ที่สามารถพัฒนาแบบฟรีโฮลด์มาพร้อมกับไฮไลท์ Beachfront Pool Villa สุด Rare ราคาแตะ 100 ล้านบาท เพียง 2 ยูนิต โดดเด่นด้วย programming experience ที่ยกระดับประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาสไปกับ experience facilities ที่มีให้เฉพาะลูกบ้านของเรสซิเดนซ์ อาทิ pickle ball court, the mud lounge, salt sauna และ experience shower นอกจากนี้ยังสามารถรับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟร่วมกันกับโรงแรม The Standard, Hua-Hin และยังเป็นเรสซิเดนซ์แห่งแรกในหัวหินที่ pets allowed ตอบโจทย์คนรักสัตว์อีกด้วย

สำหรับ The Standard Residences, Hua-Hin มีจำนวน 245 ยูนิตบนพื้นที่ขนาด9 ไร่เริ่มตั้งแต่ 1 ห้องนอน ขนาด 40-65 ตารางเมตร, 2 ห้องนอน ขนาด77-120 ตารางเมตร, 3 ห้องนอน ขนาด107-153 ตารางเมตรและBeachfront Pool Villa สุด Rare ขนาด 220 ตารางเมตร ทั้งนี้โครงการพร้อมเปิดให้ชม sales gallery ครั้งแรกวันที่ 23-24 มีนาคม 2567 นี้และพร้อมเข้าอยู่ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2569

คุณภูมิ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีจี แคปปิตอลจำกัด กล่าวว่า ซีจี แคปปิตอลผู้บริหารกองทุน Private Equity ในเครือเซ็นทรัล ได้จัดตั้งกองทุนแรกมูลค่า 10,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยว โดยมีผู้ลงทุนหลักได้แก่ 1. ครอบครัวจิราธิวัฒน์ 2. ธนาคารชั้นนำ 3. นักลงทุนสถาบันระดับโลก ซึ่งมีแผนที่จะลงทุนทั้งในส่วนโรงแรม คอนโดมิเนียม สวนสนุกสวนน้ำ และโครงการมิกซ์ยูส ที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นในเมืองท่องเที่ยวหลักได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย และพัทยา

ซึ่งภูเก็ต ได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับ Workation อันดับ 10 ของโลก และในปี 2566 นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตแล้วกว่า 11 ล้านคน มีโรงเรียนนานาชาติ 13 แห่ง มีโรงพยาบาลระดับไฮเอ็นด์ ทำให้ธุรกิจอสังหาฯภูเก็ต เนื้อหอมทั้งในแง่ความต้องการและการลงทุนใหม่ๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างจีนและรัสเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก  และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของคอนโดมิเนียมในภูเก็ตเพิ่มขึ้นถึง 113% โดยCG Capital เล็งเห็นถึงโอกาสในการลงทุนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกในหาดบางเทา

The Standard Residences, Phuket Bang Tao อยู่บนทำเลที่ดีที่สุดในย่านที่เป็นไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ของภูเก็ต ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลได้เปิดตัวโครงการปอร์โต เดอ ภูเก็ต (Porto De Phuket) ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์บนพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร จนเป็นฮอตสปอตของภูเก็ตและย่านบางเทา  โดย CG Capital จะต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดโครงการThe Standard Residences, Phuket Bang Tao และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติด้วยความเป็นbranded residences ของเครือบูทีคไลฟต์สไตล์ระดับโลกอย่างThe Standard ที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี

บนพื้นที่โครงการ 19 ไร่ แบ่งเป็น 3 โปรเจค  The Standard Residences, Phuket Bang Tao ที่มีขนาด 12 ไร่ และ โรงแรมเดอะ เภรี โฮเต็ล ภูเก็ต บางเทา(The Peri Hotel Phuket Bang Tao) รวมถึง F&B Concept ใหม่ล่าสุดจากThe Standard ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันอีก 7 ไร่ ตัวโครงการ branded residences ประกอบด้วยอาคาร 7 ชั้น 6 อาคาร จำนวน 188 ยูนิต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลาดหลายอาทิ โคเวิร์คกิ้งสเปซ, โซนเกมส์, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำความยาว25 เมตร, สระว่ายน้ำเด็ก และสปา พร้อมบริการอื่น ๆ ตามมาตรฐานเดอะ สแตนดาร์ด รวมถึงบริการรถรับ-ส่งไปยังชายหาดบางเทา เปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นที่ 11.9 ล้านบาท รวมถึงเปิดsales gallery ครั้งแรกในเดือนเมษายนปี 2567 และพร้อมเข้าอยู่ช่วงไตรมาส 4 ของปี 2569

สำหรับผู้ซื้อทั้ง 2 โครงการ ยังได้รับ “Friend with Benefits” สิทธิพิเศษ  3 รูปแบบ ได้แก่ ส่วนลดห้องอาหาร 10-15% สำหรับร้านอาหารของโรงแรมในเครือ The Standard และ The Peri Hotel ในประเทศไทย ส่วนลดห้องพักในเครือ The Standard ทั่วโลกสูงถึง 25% ปัจจุบันมีโรงแรมที่เปิดให้บริการ 20 แห่งทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมถึงสิทธิประโยชน์ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในอีเว้นต์ตามแบบฉบับแสตนดาร์ดไม่ว่าจะเป็นส่วนลด การซื้อบัตรเข้าร่วมงานในราคาพิเศษ และการได้รับเชิญมาเป็นแขกพิเศษในงาน