ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อสนับสนุนการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจสำคัญ เสริมสถานะให้ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายสำหรับนักลงทุนต่างชาติ พร้อมช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศ ผ่านเครือข่ายธนาคารยูโอบี ที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาคอาเซียน
นายริชาร์ด มาโลนี่ย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ครอบคลุมโครงการต่างๆ เช่น แคมเปญส่งเสริมการลงทุน การจัดโรดโชว์ และการสนับสนุนผ่านหน่วยงานที่ปรึกษาการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDIA) ซึ่งตั้งแต่ปี 2563 หน่วยงาน FDIA ของยูโอบีได้สนับสนุนให้บริษัทกว่า 450 แห่งขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศไทย โดยคาดว่าสร้างมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศกว่า 45,000 ล้านบาท และสร้างโอกาสการจ้างงานให้กับคนไทยมากกว่า 31,000 ตำแหน่ง
นายแซม ชอง กรรมการผู้จัดการ Head of Foreign Direct Investment Advisory Unit ธนาคารยูโอบี เปิดเผยว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมาภูมิอาเซียนมีการเติบโตอย่างชัดเจน และมีการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากปี 2558 อยู่ที่ 7% เพิ่มขึ้นเป็น 17% ในปี 2565 และคาดว่าในปี 2570 FDI จะเข้ามาในภูมิภาคอาเซียนประมาณ 3.12 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ประเทศไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของภูมิภาค เห็นได้จากเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้าในไตรมาส 3 ปี 2566 มีการเติบโตสูงขึ้น
ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการนำความเชี่ยวชาญมาร่วมนำเสนอโซลูชันทางการเงินและบริการตอบโจทย์ความต้องการนักลงทุนต่างชาติ โดยปรับปรุงกระบวนการลงทุน ความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ และส่งเสริมอุตสาหกรรมหลักตามกลยุทธ์การพัฒนาเศรษฐกิจของไทย ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ยุคใหม่ การแพทย์และสุขภาพ ดิจิทัลและนวัตกรรม รวมถึงเศรษฐกิจสีเขียวและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“ยูโอบีพร้อมสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปสู่ EV ถือเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยยูโอบีจะเป็นมากกว่าธนาคาร หรือ Beyond Banking ที่พร้อมให้การสนับสนุนนักลงทุนทั้งในประเทศ ภูมิภาค และนานาชาติ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและผู้นำภูมิภาค”
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า การร่วมมือกับยูโอบี สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการขับเคลื่อนเป้าหมายทางเศรษฐกิจของไทย การดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธนาคารยูโอบีในประเทศไทย และเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน จะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับนักลงทุนที่มีศักยภาพ
นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมความสามารถของ สกพอ. ในการเสนอโซลูชันทางการเงินแบบครบวงจร ไม่เพียงแต่โครงการในประเทศ แต่ยังเชื่อมโยงกับฐานลูกค้าที่หลากหลายและขยายตัวเพิ่มขึ้นของธนาคารยูโอบี เพื่อดึงดูดการลงทุนมูลค่าสูงที่ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างโอกาสให้กับชุมชนในประเทศไทย
“ปีที่ผ่านมีการลงทุนที่เติบโตในหลายกลุ่มธุรกิจ เช่น การแพทย์และสุขภาพ (Health and Wellness) ภาคบริการ BCG, เทคโนโลยีและดิจิทัล ซึ่งมีแนวโน้มปีนี้ไปจนถึงปีหน้า จะได้เห็นภาพการลงทุนดิจิทัล, Data Center, PCB และเซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ซึ่งเราจะโฟกัสไปที่อุตสาหกรรมเป้าหมายเหล่านี้ พร้อมทั้งส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมมองว่าประเทศไทยตอนนี้อยู่ในจุดที่น้ำขึ้นให้รีบสูบ ไม่ใช่แค่รีบตัก”
สำหรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ประกอบด้วยจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยทำเลที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และนโยบายที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ ความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมสร้างปัจจัยบวกให้ประเทศไทย โดยนักลงทุนจะได้รับบริการธนาคารที่ราบรื่นไร้รอยต่อ คำแนะนำด้านการลงทุนที่ครอบคลุมทุกมิติ และการเข้าถึงสิทธิประโยชน์จากภาครัฐ