ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มุ่งสู่การเป็นธนาคารพาณิชย์และผู้นำในธุรกิจการเงินเพื่อความยั่งยืน เผย 3 กลยุทธ์แผนธุรกิจปี 2566 การเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน (ASEAN-Linked Business) ผ่านนวัตกรรมบริการด้านการเงิน การเชื่อมโยงกับความยั่งยืนตามโมเดล ESG (ESG-Linked Business) และการพัฒนาด้านดิจิทัลและนวัตกรรม (Digital & Innovation)
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบัน (ปี 2564 – 2566) ว่า เป็นไปตามเป้าหมายทั้งในด้านการเชื่อมโยงโครงข่ายในอาเซียนสู่ตลาดหลัก ๆ ในภูมิภาค ซึ่งมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งแม้ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 การพัฒนาสู่เป้าหมายด้าน ESG โดยในปี 2566 จะยกระดับการดำเนินธุรกิจบนแนวทาง ESG ในอาเซียน และการต่อยอดความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อการเติบโตของธุรกิจ
โดยในปี 2564-2565 กรุงศรีได้ขยายกิจการไปที่ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ขณะที่กัมพูชา และสปป.ลาว ยังสามารถรักษาระดับการเติบโตได้ดี ส่งผลให้กรุงศรีขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 150,000 ราย ผ่านการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) และการร่วมเป็นพันธมิตร (Partnership)
ส่งผลให้กรุงศรีมีรายได้สุทธิจากการดำเนินธุรกิจในอาเซียนเพิ่มขึ้นจาก 3% ในปี 2563 เป็น 6% ในปี 2565
และในปี 2566 จะนำกลยุทธ์ One Krungsri มาให้บริการทางการเงินที่สำคัญต่างๆแก่ลูกค้าในอาเซียน เช่น บริการโอนเงิน การลงทุนในต่างประเทศ บริการที่ปรึกษา และบริการอื่น ๆ อย่างบัตรเครดิตที่จะเข้าถึงผู้ใช้มากขึ้นด้วยการนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ดียิ่งขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายสร้างรายได้จากการดำเนินธุรกิจในอาเซียนให้เป็น 10%
“ปีนี้มีความท้าทายจากประเทศหลักที่มีความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการเปิดประเทศของจีนที่ยังคงไม่ชัดเจน เศรษฐกิจอาเซียนชะลอตัวอยู่ที่ 4.9% ในปี 2566 จาก 5.3% ในปี 2565 แต่ยังคงเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุด โดยไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียมีการเติบโตที่ดี จากอุปสงค์ภายในประเทศและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมทั้งข้อตกลงการค้าเสรีที่รวมถึง RCEP และเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลเข้ามา ซึ่งกรุงศรีมีกลยุทธ์และข้อได้เปรียบในอาเซียน ในการปรับตัวและเสนอโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อยทั่วภูมิภาค”
สำหรับกลยุทธ์ความยั่งยืน (ESG) ยังคงเดินหน้าสนับสนุนให้ลูกค้าเปลี่ยนผ่านและดำเนินงานตามแนวทาง ESG ผ่านหลากหลายโครงการสำหรับลูกค้าธุรกิจและรายย่อย การให้เงินสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน เช่น หลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ จุดชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และพลังงานทดแทน รวมไปถึงสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนและหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน สินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสีเขียว ธุรกิจเพื่อสังคม และธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืนเป็น 50,000 – 100,000 ล้านบาทภายในปี 2573
“กรุงศรีเดินหน้าต่อยอดเพื่อบรรลุพันธกิจด้าน ESG ด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยโครงการต่าง ๆ ที่ริเริ่มและประสบความสำเร็จระหว่างปี เช่น Krungsri x SET ‘Care the Whale’ โครงการ Zero Food Waste และเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ RE100 Thailand Club หรือสมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย”นายอาคิตะกล่าว
นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร กล่าวว่า กรุงศรีขยายกิจการไปทั่วภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ตามแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบัน ได้แก่ SB Finance ประเทศฟิลิปปินส์ SHB Finance ในประเทศเวียดนาม รวมทั้งยกระดับ Hattha Bank ในกัมพูชาเป็นธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ความร่วมมือในอินโดนีเซีย สปป.ลาว มีการเติบโตที่ดี เช่นเดียวกับในมาเลเซีย และสิงคโปร์
“จุดแข็งของกรุงศรีในการบุกตลาดอาเซียน คือการทำธุรกิจอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่การขยายสาขา โดยมีพาร์ทเนอร์ธนาคารท้องถิ่นในแต่ละประเทศที่มีความแข็งแรงในหลายๆด้านที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ ทำให้ธนาคารสามารถเชื่อมโยงประเทศต่างๆในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้กลยุทธ์ One Krungsri ด้วยบริการทางการเงินที่สำคัญต่างๆ เช่น บริการโอนเงิน การลงทุนในต่างประเทศ บริการที่ปรึกษา และบริการอื่น ๆ เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายในการสร้างรายได้สุทธิจากการดำเนินธุรกิจในอาเซียนให้เป็น 10%”
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล เปิดเผยว่า ปีนี้มีเป้าหมายจะเชื่อมแอปบนมือถือ ไม่ว่าจะเป็น KMA-Krungsri Mobile App, UCHOOSE และ GO เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งของโร้ดแมปแผนงานพัฒนาระยะยาวเพื่อสนับสนุนอนาคตของการธนาคารและการปรับพัฒนาด้านความปลอดภัยของแอปและดิจิทัลแบงก์กิ้งอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัย
รวมไปถึงแผนงานในการอัปเกรด API (Application Programming Interface) เทคโนโลยีใหม่ที่เชื่อมโยงกับพาร์ทเนอร์เพื่อส่ง Transaction จำนวนมากแบบเรียลไทม์ จากเดิมที่บริการในส่วนของ Payment เป็นหลัก รวมทั้งเดินหน้า Service as a payment เช่น บริการคิดดอกเบี้ย ทำให้มีจำนวน Transaction มากขึ้น และลูกค้ามากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมี Innovation Hub ศูนย์กลางนวัตกรรมสร้างสรรค์ชุมชนสายเทคนำร่องในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอื่นๆ เช่น นครราชสีมา หรือขอนแก่น โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนา 17 โครงการ ถือเป็นการลงทุนสร้างสำนักงานที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพด้านไอทีสูง ซึ่งการขยายธุรกิจในอาเซียนทำให้ธนาคารเข้าถึงบุคลากรคุณภาพสายเทคโนโลเยี และสร้างพื้นที่เปิดให้มาแบ่งปันไอเดียและโอกาสทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของกรุงศรี