กสิกรไทย มุ่งสู่ Top 20 สินทรัพย์ใหญ่สุดในเวียดนาม รุกบริการทางการเงิน ตั้งเป้าปี 70 ฐานลูกค้า 8 ล้านราย    

0
87

 

ธนาคารกสิกรไทยขยายธุรกิจในเวียดนามต่อเนื่อง มุ่งสู่ธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ติดอยู่ใน 20 อันดับแรกในเวียดนาม  พร้อมให้บริการทางการเงินเต็มรูปแบบ (Transactional Ecosystem) ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มองค์กร บริษัทขนาดกลาง กลุ่มค้าปลีก และลูกค้ารายย่อย ตั้งเป้าหมายรายได้สุทธิถึง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.32 หมื่นล้านบาท มียอดสินเชื่อคงค้างที่ 1.8 แสนล้านบาท และมีฐานลูกค้าเวียดนาม 8.4 ล้านรายภายในปี 2570

นายชัช  เหลืองอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปี 2565 เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตถึง 8.02% ขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 25 ปี และมี GDP สูงเป็นอันดับที่ 30 ของโลก โดยธนาคารเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก  และด้วยศักยภาพของทรัพยากรต่าง ๆ ภายในประเทศ จึงคาดการณ์ว่าภายในปี 2573 จะเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (Newly Industrialized Country หรือ NIC)  โดยจะยกระดับเป็นประเทศที่มีสถานะรายได้ปานกลางถึงระดับสูง และเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2588

ด้วยจำนวนประชากรมากกว่า 100 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน และเป็นกลุ่มที่ขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว  และกว่า 69% ของคนกลุ่มนี้ไม่มีบัญชีธนาคาร  รัฐบาลเวียดนามจึงผลักดันการพัฒนาบริการทางการเงินแบบดิจิทัล  ส่งผลให้เวียดนามมีบันทึกมูลค่าการชำระเงินแบบดิจิทัลสูงสุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้    อีกทั้งรัฐบาลยังผลักดันให้เวียดนามเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีแห่งใหม่ของเอเชียอีกด้วย

ธนาคารกสิกรไทย จึงขยายการให้บริการทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ (Transactional Ecosystem) ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มองค์กร บริษัทขนาดกลาง กลุ่มค้าปลีก และลูกค้ารายย่อย  โดยรองรับทุกความต้องการของลูกค้า  ตั้งแต่แอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam ด้วยฟังก์ชั่นและระบบปฏิบัติการที่พัฒนาผ่าน บริษัท KBTG Vietnam (KASIKORN BUSINESS-TECHNOLOGY GROUP Vietnam) ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด เช่น การใช้เทคโนโลยี NFC (Near-Field Communication) เพื่อทำให้การอ่านข้อมูลจากบัตรประชาชนทำงานได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยี Liveness Detection เพื่อตรวจจับและป้องกันการปลอมตัวบุคคลในขั้นตอนของการสมัครใช้งาน เป็นต้น

นอกจากนี้ ธนาคารได้สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในเวียดนาม ด้วยการพัฒนาเครื่อง EDC (Electronic Data Capture) รองรับการชำระเงินหลากหลายช่องทาง เช่น บัตรเดบิต บัตรเครดิต และการแสกนจ่ายผ่าน QR Code ทุกประเภท และเพื่อให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ทั้งนี้ธนาคารได้เตรียมเปิดตัว บัตรเดบิต ในเดือนกรกฎาคม 2566  ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ารายย่อยทำธุรกรรมชำระเงิน และกดเงินสด โดยสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยแอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam เมื่อได้รับการอนุมัติ บัตรเดบิตจะถูกส่งไปถึงบ้าน

สำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กร  ได้สร้างเครือข่าย Internet Banking ให้จัดการเงินสดและบัญชีเงินเดือนสำหรับพนักงานได้สะดวก  รวมทั้งการปล่อยสินเชื่อดิจิทัล KBank Biz Loan เจาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่สามารถทำธุรกรรมได้สะดวกผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam และ KBank Pay Later สำหรับลูกค้ารายย่อยที่ต้องการขอสินเชื่อดิจิทัลเพื่อการซื้อสินค้าออนไลน์ ด้วยการทำพันธมิตรธุรกิจร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซท้องถิ่น Meta ที่ขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าหาพันธมิตรทางธุรกิจ ผ่านบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (KASIKORN VISION CO., LTD.) หรือ KVision  เฟ้นหาบริษัทหรือสตาร์ทอัพ เพื่อร่วมลงทุนและพัฒนาธุรกิจ  ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมลงทุนกับหลายบริษัทในเวียดนาม เช่น Sendo, KiotViet, Seedcom, Jio Health, Selly และสตาร์ทอัพ Lich Viet แอปพลิเคชันเกี่ยวกับเรื่องดูดวง ด้วยยอดผู้ใช้บริการกว่า 13 ล้านคน

นายชัช กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายเป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ติดอยู่ใน 20 อันดับแรกในประเทศเวียดนาม มีรายได้สุทธิ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.32 หมื่นล้านบาท มียอดสินเชื่อคงค้างที่ 1.8 แสนล้านบาท และมีฐานลูกค้าเวียดนาม 8.4 ล้านรายภายในปี 2570  

“ด้วยความชำนาญที่การันตีด้วยรางวัลทางการเงินในระดับภูมิภาค การมีแอปพลิเคชัน โมบาย แบงกิ้งอันดับ 1 ของประเทศไทย จำนวนผู้ใช้งานกว่า 19 ล้านคน  รวมถึงการเป็นธนาคารดิจิทัลที่ดีที่สุด มีเครือข่ายระดับภูมิภาคกับพันธมิตรกว่า 70 แห่ง ทั่วยุโรปและเอเชีย จึงมั่นใจได้ว่าด้วยประสบการณ์ ศักยภาพ และมาตรฐานระดับสากล ที่กสิกรไทยพร้อมมอบบริการทางการเงินด้วยความเชี่ยวชาญ จะถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศเวียดนามได้อย่างแน่นอน” นายชัช กล่าวสรุป