กลุ่มบริษัทเอไอเอ เผยผลประกอบการ Q1 ปี 64 แข็งแกร่งด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตถึง 19%

0
56

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ“เอไอเอ”หรือ“บริษัท” (รหัสหลักทรัพย์: 1299) ประจำไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 ว่า กล่าวว่า เอไอเอ มีมูลค่าธุรกิจใหม่(VOBN) เติบโตมากขึ้นในทุกตลาด เมื่อเทียบกับช่วงก่อนมีสถานการณ์ของโรคระบาด ยกเว้นในฮ่องกงเนื่องจากยังคงมีข้อจำกัดด้านการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่นอกฮ่องกงที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายกลุ่มนี้ โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของทุกตลาดในไตรมาสแรกของปี 64 สูงกว่าไตรมาสแรกของปี 62 และเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 63 มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ของทั้งกลุ่มบริษัทสูงถึง 19% รวมไปถึงการเติบโตอย่างยอดเยี่ยมในจีนแผ่นดินใหญ่ ไทย และมาเลเซีย ซึ่งเป็นการเติบโตด้วยตัวเลขสองหลักจากกลุ่มลูกค้าในฮ่องกง

“เรากำลังมุ่งไปข้างหน้าอย่างยอดเยี่ยมตามกลยุทธ์ของเรา พร้อมขยายความได้เปรียบในการแข่งขันด้วยการใช้ทุกโอกาสที่มีกับเอไอเอทั่วทั้งเอเชีย ทั้งนี้ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เรามีโอกาสได้เปิดตัวสาขาใหม่ที่มณฑลเสฉวนในจีนแผ่นดินใหญ่ ขอให้ลูกค้าหลายล้านคนของเรามั่นใจได้ว่า สถานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทเอไอเอยังคงความแข็งแกร่งอย่างมากแม้ในสถานการณ์ที่มีความผันผวนล่าสุดและโรคระบาดทำให้ผู้คนตระหนักถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเพิ่มขึ้น เราได้เห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งของมูลค่าธุรกิจใหม่ในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 63 ที่เราช่วยให้ผู้คนจำนวนมากทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น” เขากล่าว

 ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทเอไอเอ มีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 61.6%  เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี อยู่ที่  56.6% โดยปัจจัยหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้นชดเชยกับการหักภาษี ณ ที่จ่าย 5% ของ เอไอเอ ประเทศจีน ซึ่ง VONB margin เป็นยอดสุทธิของค่าใช้จ่ายส่วนเกินและสมมติฐานในผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากที่แสดงในรายงานประจำปี 63 โดยมีกำไรที่รายงานบนมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยในธุรกิจใหม่ (PVNBP) คงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 63 ที่ 10% ทั้งนี้เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้น 10% เป็น 1,703 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 63 และเบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้น 6% เป็น 9,663 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของพอร์ตการลงทุนที่กำลังเติบโตและคงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ
เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น
ไตรมาสที่ 1
ปี  2564
ไตรมาสที่ 1
ปี 2563
เปรียบเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
(อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)
เปรียบเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
(อัตราแลกเปลี่ยนตามจริง)
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB)1,05284119%25%
อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin)61.6%56.6%4.5 จุด5 จุด
เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP)1,7031,48310%15%
เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI)9,6638,7966%10%

เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงเป็นตลาดที่สร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอมากที่สุด และมีการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในไตรมาสแรกของปี 63 กำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) หลังหักภาษี ณ ที่จ่าย 5% ตั้งแต่เดือน ก.ค.63 มีความสอดคล้องกับปีที่ผ่านมา และเราได้เปิดตัวสาขาใหม่ในมณฑลเสฉวนเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยแห่งประเทศจีนในเดือนมีนาคม

เอไอเอ ฮ่องกง มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวเลขสองหลักจากกลุ่มลูกค้าในประเทศ ขณะที่ข้อจำกัดด้านการเดินทางส่งผลกระทบต่อยอดขายในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ในสาขามาเก๊ายอดขายในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่คิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของเบี้ยประกันภัยรับปีแรกของในไตรมาสแรก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการกลับมาของแผนการเยือนรายบุคคล (Individual Visit Scheme)

ในเดือนมีนาคม เราได้ประกาศพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เป็นระยะเวลา 15 ปี กับ The Bank of East Asia, Limited (BEA) ครอบคลุมฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ สำหรับฮ่องกง ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยขยายขีดความสามารถในการจัดจำหน่ายของเราด้วยสิทธิพิเศษในการเข้าถึงลูกค้าในประเทศกว่า 1.2 ล้านรายของ BEA นอกจากนี้ เอไอเอยังได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงฐานลูกค้าที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมั่งคั่งของ BEA ซึ่งถือเป็นธนาคารต่างประเทศสามอันดับแรกในจีนแผ่นดินใหญ่

เอไอเอ ประเทศไทย จากการบริหารงานโดย นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีการเติบโตดีเยี่ยมและมีการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่อย่างมาก ด้วยแรงสนับสนุนจากทั้งช่องทางตัวแทนและพันธมิตรธุรกิจ โดยเป็นตลาดที่มีมูลค่าธุรกิจใหม่ใหญ่เป็นอันดับสองของกลุ่มบริษัทในไตรมาสแรกของปี 64 เป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนธุรกิจมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่คุ้มครองทั้งชีวิตและสุขภาพ และประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ความสำเร็จครั้งนี้มากจากการมีเป้าหมายและกลยุทธ์ที่ชัดเจน สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกภาคส่วนในเอไอเอ ประเทศไทย และตอกย้ำการเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับ 1 ของประเทศไทย

ในสิงคโปร์ มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในเชิงบวก โดยมีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักจากการขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต ในขณะที่ยอดขายจากช่องทางของพันธมิตรลดลง เนื่องจากยอดขายธุรกิจใหม่ในต่างประเทศยังคงถูกจำกัดจากมาตรการควบคุมชายแดนอย่างต่อเนื่อง เอไอเอ มาเลเซีย ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในครึ่งหลังของปี 63 และมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่สูงสุดในกลุ่มบริษัท โดยได้รับการสนับสนุนจากทั้งหน่วยงานของเรา และความร่วมมือด้านการประกันกับ Public Bank Berhad

ส่วนมูลค่าธุรกิจใหม่ในตลาดอื่นๆ ลดลง สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากมาตรการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่อย่างต่อเนื่องในฟิลิปปินส์และผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่ในออสเตรเลียในไตรมาสแรกของปี 63 ตามที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ โดยหากไม่รวมตลาดทั้งสองแห่งนี้ มูลค่าธุรกิจใหม่จากตลาดอื่นๆ ถือว่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 63

ในส่วนของภาพรวม การคาดการณ์ระยะยาวของธุรกิจเอไอเอทำให้เรามีข้อได้เปรียบอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นแรงกระตุ้นการเติบโตทางโครงสร้างที่แข็งแกร่งของธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพในภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ การมีรายได้เพิ่ม การเข้าถึงของบริษัทประกันของเอกชนที่ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำ และสวัสดิการภาครัฐในด้านความคุ้มครองที่จำกัด ทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันของเอไอเอเป็นที่ต้องการไปทั่วทุกตลาดที่เราดำเนินการอยู่ การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกขยับตัวขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 64 เป็นผลมาจากการสนับสนุนทางการเงินที่ช่วยแบ่งเบาภาระที่เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาด ในขณะที่ภาพรวมยังคงขึ้นอยู่กับรัฐบาลและนโยบายของธนาคารกลาง ประสิทธิภาพของมาตรการกักตัว และความรวดเร็วในการฉีดวัคซีนป้องกัน ทั้งนี้ เรายังคงมองในแง่ดีว่าเศรษฐกิจจะกลับมาโดยเริ่มจากภาคการผลิต ไปถึงภาคการบริโภคและการบริการ เรามีความมั่นใจในกลยุทธ์หลักของเรา ที่จะนำมาสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นของเราต่อไป

อย่างไรก็ตาม ความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลท้องถิ่น ซึ่งทำให้สินทรัพย์และหนี้สินของเรามีมูลค่าใกล้เคียงกัน ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ ในรายงานงบการเงินของกลุ่มที่มีการแปลงเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน  ดังนั้น เราจึงมีการเปรียบเทียบอัตราการเติบโตจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนของผลการดำเนินธุรกิจ

หมายเหตุ

1.ผลประกอบการในไตรมาสแรกของเอไอเอปี 2564 และปี 2563  สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 และวันที่ 31 มีนาคม 2563 ตามลำดับ

2.ตัวเลขทั้งหมดแสดงในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามจริงในรอบปี (AER) เว้นแต่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงที่แสดงโดยเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนคำนวณโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) เว้นแต่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนคงที่คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่เฉลี่ยสำหรับปี 2564 และ 2563

3.สมมติฐานเชิงเศรษฐกิจระยะยาวที่ใช้ในการคำนวณหามูลค่าธุรกิจสำหรับไตรมาสแรกปี 2564 เหมือนกันกับที่แสดงไว้เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อมูลมูลค่าธุรกิจที่แทรกไปกับรายงานประจำปี 2563 สมมติฐานอื่นที่ไม่ใช่ในเชิงเศรษฐกิจคำนวณตามข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่มีการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูลล่าสุด

4.มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) คิดจากสมมติฐานที่เกี่ยวข้อง ณ เวลาขาย โดยเริ่มในปี 2564 หลักประกันความเสี่ยงที่รวมอยู่ในการคำนวณมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวกำหนดระดับของผลิตภัณฑ์ในการสะท้อนความเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องกับความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายในช่วงของการรายงานผลประกอบการประจำปี 2563

มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของกลุ่มบริษัท ไม่รวมในส่วนของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) และมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) สำหรับตลาดอื่น รวมร้อยละ 49 ซึ่งเป็นผลมาจากการร่วมหุ้นในประเทศอินเดีย บริษัท ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต จำกัด (ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต)

5.มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) รวมธุรกิจการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) และอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) ไม่รวมธุรกิจการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและก่อนการหักส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

6.เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) คำนวณจากร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยรายปีในปีแรก และร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยแบบชำระเบี้ยประกันภัยครั้งเดียวก่อนการเอาประกันภัยต่อ และไม่รวมถึงการประกอบธุรกิจการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

7.เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) ประกอบด้วยร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ ร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยปีแรก และร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยแบบชำระเบี้ยประกันภัยครั้งเดียว ก่อนการเอาประกันภัยต่อ

8.ในบริบทของส่วนแบ่งทางการตลาดที่ได้รายงาน ฮ่องกงหมายถึงการปฏิบัติงานในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และเขตบริหารพิเศษมาเก๊า สิงคโปร์หมายถึงการปฏิบัติงานในประเทศสิงคโปร์และบรูไน และตลาดอื่นๆ หมายถึงการปฏิบัติงานในประเทศออสเตรเลีย (รวมนิวซีแลนด์) กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) และเวียดนาม

9.ผลประกอบการของทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต นับรวมในช่วงระยะเวลาสามเดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ในผลประกอบการรวมของเอไอเอสำหรับไตรมาสสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 เพื่อความเข้าใจ เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) ไม่ได้นับรวบในผลประกอบการจากทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต

ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตเกี่ยวกับธุรกิจของกลุ่มบริษัทเอไอเอ โดยอ้างอิงจากความคิดเห็นของผู้บริหารของบริษัท รวมถึงประมาณการจากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันของผู้บริหารของบริษัทเท่านั้น  ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่จะสอดคล้องกับสถานการณ์ในอนาคตหรือไม่ก็ได้คำเช่น “จะ”  “มีแผนจะ” “น่าจะ”  หรือคำในลักษณะเดียวกันนี้เป็นคำที่แสดงถึงข้อความที่แสดงถึงการคาดการณ์ในอนาคต ซึ่งไม่อาจรับรองความถูกต้องได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงในอนาคตจึงอาจมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตดังกล่าว

เอกสารฉบับนี้ใช้เป็นข้อมูลประกอบเท่านั้น และไม่ได้มีเพื่อเชิญชวนหรือเสนอโดยบุคคลใดเพื่อให้ครอบครองซื้อ หรือสมัครเป็นสมาชิกเพื่อหลักทรัพย์แต่ประการใด เอกสารนี้ไม่ได้มีเพื่อ หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอขายหลักทรัพย์ของบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา หลักทรัพย์ของบริษัทไม่ได้ และจะไม่จดทะเบียนภายใต้พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา 1933 ที่มีการแก้ไข (พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา) และอาจจะไม่เสนอหรือขายในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ได้จดทะเบียนหรือได้ยกเว้นจดทะเบียนภายใต้พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา อีกทั้งไม่มีความประสงค์เพื่อเสนอหลักทรัพย์ของบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกาแต่ประการใด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่