โดย สิทธิ์ หลีขาว ไม่น่าเชื่อว่า นาทีนี้มีคนไทยใจกล้าหันมาซื้อบริษัทประกันภัย... ...คนๆ นั้นคือ 'โกเล็ก'เด็กกระบี่ อำเภอเหนือคลอง บ้านบางผึ้ง...ครับ ...โกเล็ก คือ 'คุณประสิทธิ์ เจียวก๊ก'...ที่กำลังเป็นเจ้าของ 'บริษัท พุทธธรรมประกันภัย' ...โดยสถานะตอนนี้ ของโกเล็กเรียกได้ว่า เป็นเศรษฐีครับ ...เขาเป็นประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือ M Group ซึ่งประกอบด้วย 20 บริษัท 1 สมาคม 1 สหกรณ์....โดยเป็นธุรกิจด้านท่องเที่ยว ด้านเทคโนโลยี ด้านสุขภาพ ธุรกิจออนไลน์ และประกันภัย ซึ่งก็คือพุทธธรรมประกันภัยที่ผมกำลังพูดถึง ...ขณะที่บริษัทอื่นๆที่รู้จักกันก็คือ กลุ่มบริษัทมัณดาวีต์ บริษัทเว็บสวัสดี ที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก ***ไม่กี่ปีก่อน โกเล็กปรากฎตัวผ่านสื่อบ่อยครั้ง หลังจากเขาหันมาช่วยสังคมด้วยการเปิดโครงการคืนคุณแผ่นดิน และเปิดแอพพลิเคชั่น M-Help Me ให้เป็นช่องทางในการทำงานเพื่อส่วนรวม...
ผมมีเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวโยงกับการทำประกันชีวิตมาบอกเล่าครับ ....อาจเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกับตัวเราเอง พ่อแม่ ญาติพี่น้องและคนที่เรารู้จัก... ...นั่นคือเรื่อง 'เงินที่เกิดจากการทำประกันชีวิตที่อยู่ในกองทุนประกันชีวิต' ...เป็นเงินอะไรหรือครับ? ...ก็คือเงินที่คนทำประกันชีวิตไม่ได้รับจากบริษัทประกันชีวิต ซึ่งมีหลายสาเหตุด้วยกัน...พอไม่ไปรับจากบริษัทประกันชีวิตเกิน 10 ปี บริษัทประกันชีวิตก็ต้องส่งเข้ามาอยู่ที่กองทุนประกันชีวิต.... ...ซึ่งเงินที่ว่านี้ เรียกกันว่า 'เงินจากกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความ' ซึ่งตอนนี้ค้างเติ่งอยู่ในกองทุนประกันชีวิต ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา จำนวน 1,300 ล้านบาท มาจากจำนวนคนทำประกันชีวิต 930,000 คน ...*** เอาล่ะ! มาดูกันว่า ยอดเงินที่ว่านี้ มาจากสาเหตุใดกันบ้าง? ...*1.ครบอายุสัญญา แต่บริษัทประกันติดต่อผู้ทำประกันชีวิตไม่ได้ เช่น ย้ายที่อยู่แต่ไม่แจ้งบริษัท ...*2.ผู้ทำประกันชีวิตเสียชีวิต แล้วทายาทไม่รู้ว่ามีการทำประกันชีวิตไว้ ...*3.ผู้ทำประกันชีวิตไม่ส่งเบี้ยฯ ต่อในช่วงที่สิ้นสุดปีที่ 2 หรือหยุดส่งเบี้ยในช่วงเข้าปีที่ 3 เป็นต้นไปของระยะเวลาการทำประกัน..แม้ความคุ้มครองจะขาดไปแล้ว แต่ช่วงเวลานี้จะมีมูลค่าเงินสดเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเงินจำนวนนี้ เป็นสิทธิที่ผู้ทำประกันชีวิตได้รับอยู่ ...*4.ผู้ทำประกันชีวิตได้รับเช็คจากบริษัทประกัน...
...น้องคนหนึ่งจากจังหวัดชุมพร โทร.หาผม โดยบอกว่า "ได้รับหนังสือจากสำนักงานกองทุนประกันชีวิต" ...เป็นหนังสือแจ้งให้ส่งเรื่องขอรับเงินที่ค้างอยู่ที่กองทุนประกันชีวิต... ..น้องบอกว่า จำนวนเงินไม่เยอะ แต่ตอนนี้ กลัวไปหมด เพราะถ้าเข้าเว็บไซต์ของกองทุนประกันชีวิต จะต้องใส่เลขบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อยืนยันตัวตนด้วย ....เมื่อเป็นเช่นนี้ หากเป็นมิจฉาชีพ อาจถูกดูดเงินในบัญชีได้.. ...***ผมได้ความจากน้องเช่นนี้ จึงอาสาตรวจสอบที่กองทุนประกันชีวิตให้ครับ ...ปรากฎว่า ส่งไปถึงผู้เคยเป็นผู้เอาประกันจริง โดยเจ้าหน้าที่บอกว่า คนที่ไม่มีที่อยู่ ทางกองทุนฯก็ขอจากสำนักทะเบียนราษฎร์กระทรวงมหาดไทย โดยส่งเฉพาะหนังสือเท่านั้น ไม่มีการส่งลิงค์ส่งแชทแต่อย่างใด *** ผมจึงคิดว่า เป็นเรื่องที่ดีที่กองทุนประกันชีวิต ส่งหนังสือแจ้งเรื่องดังกล่าวข้างต้นไปถึงคนที่เคยทำประกันชีวิตครับ ...เหตุผลเพราะ คนเหล่านี้ยังมีสิทธิ์ได้รับเงินตามกรมธรรม์ในบางกรณีที่เข้าเกณฑ์ ...เข้าเกณฑ์อย่างไร? ...หนึ่ง : เคยทำประกันชีวิตแล้วไม่สามารถส่งต่อได้ เช่น ส่งไปเกิน3ปี ก็เกิดมูลค่าเงินสดขึ้นไป ซึ่งจำนวนเงินจากมูลค่าเงินสดนี่แหละเป็นของผู้เอาประกัน ถึงแม้จะทิ้งกรมธรรม์ไปแล้ว เขาก็ยังมีสิทธิ์อยู่ ...เงินจำนวนนี้ บริษัทเก็บไว้ได้แต่เอาไปทำอะไรไม่ได้ และมีสิทธิ์เก็บไว้แค่10ปีเท่านั้น หลังจากนั้นต้องส่งไปให้กองทุนประกันชีวิต... ...สอง: ทุนประกันที่กรมธรรม์สิ้นอายุ แต่คนที่ทำประกันไม่ได้ไปแจ้งรับหรือบริษัทไม่สามารถติดต่อได้หรือไม่สามารถติดต่อทายาทได้ หรือกรณีคนทำประกันเสียชีวิต แต่ทายาทหรือผู้รัยประโยชน์ไม่ทราบว่ามีการทำประกัน ...สาม: จำนวนเงินที่บริษัทออกเช็คให้...
เยอะทีเดียว 2 เดือนประกันโควิดขายไปกว่า7ล้านฉบับ ...ธุรกิจประกันชีวิตขายมาหลายสิบปี ขายไปได้เพียง 26 ล้านฉบับ...แต่นั่นแหละ นี่มันคนละสถานการณ์กัน... ...ความหวาดหวั่นต่อการติดโรค...แล้วก็เป็นโรคระบาดเสียด้วย จึงทำให้คนกลัว...ที่สุดก็ห่วงตัวเองห่วงสุขภาพ แล้วก็ต้องพกประกันติดตัวไว้ก่อน ...ที่สุดก็ต้องซื้อของใหม่อย่าง'ประกันโควิด'... ***จนถึงวันที่ 2 เมษา ครบ 2 เดือนของการขายประกันโควิด ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการสนง.คปภ. บอกว่า ขายไปได้ถึง 7,121,651 ฉบับ รวมเบี้ย 3,041 ล้านบาท แต่เอาเข้าจริงเคลมไปแล้ว 9.56 ล้านบาท ...ยอดขายที่ว่านี้ เพิ่งมาเพิ่มหลังจากวันที่18 มีนาคมครับ...ซึ่งก่อนวันที่ 18 มีนามี ยอดขายเพียง 3 ล้านฉบับ เบี้ยแค่ 1,000 ล้านบาท ...ทำไม ยอดขายถึงเพิ่มขึ้น ? ...สาเหตุมาจาก...
มติ ครม. ในเรื่องมาตรการแก้ปัญหาจากโควิด 19 สำหรับแรงงานนอกระบบประกันสังคม มีเรื่องประกันสุขภาพอยู่ด้วย โดยเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนภาษี จากค่าเบี้ยประกันสุขภาพ โดยเพิ่มวงเงินหักลดหย่อน ค่าเบี้ยประกันสุขภาพจากเดิมตามจ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาท เป็นไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับการหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันชีวิต และ เงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีภาษี 2563 เป็นต้นไป สิ่งที่ต้องติดตามต่อไปก็คือ มาตรการเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้จากเบี้ยฯประกันสุขภาพที่ว่านี้ เป็นมาตรการใช้บังคับครอบคลุมทุกคน ทุกอาชีพหรือไม่ เพราะโดยปกติ การออกมาตรการลักษณะนี้ ไม่น่าจะเกิดเฉพาะกลุ่มบุคคล
'อุบัติเหตุ'ยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเบอร์หนึ่งครับ คุณคิดว่า ประเทศเราควรลดการเกิดอุบัติเหตุและลดการตายจากอุบัติเหตุจากรถ ด้วยวิธีใด? ***ในความคิดเห็นของผม เรายังขาดมาตรการที่ชัดเจน เด็ดขาด และเข้มงวดเกี่ยวกับวินัยจราจรและการใช้รถใช้ถนนมากทีเดียว การแก้ปัญหาจริงๆยังไม่เกิดขึ้น เรายังทำกันแบบปลายเหตุแบบสังคมไทย อย่างเช่น การทุ่มเทงบประมาณและบุคลากรไปนั่งเฝ้าถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์และ 7 วันอันตรายในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งถึงแม้จะหามรุ่งหามค่ำกันนั่งเฝ้าถนนทั่วประเทศ ก็ยังมีรถเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตในจำนวนที่สูงอยู่ ...อย่างช่วงวันที่ 27 ธันวาคม 2562-2 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา เสียชีวิต 373 คน บาดเจ็บ 3,499 คน จากยอดอุบัติเหตุ 3,421 ครั้ง นี่เป็นข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย(ปภ.) ...ขณะที่ข้อมูลของบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด มียอดเกิดอุบัติเหตุ 2,665 ครั้ง เสียชีวิต 550 คนและบาดเจ็บ 2,982...
'ประกันโควิดมีกลิ่น' ...เป็นกลิ่นไม่สุจริตจากผู้ซื้อครับ...ไม่ใช่บริษัทประกันที่เป็นผู้ขาย... ***เรื่องแบบนี้ 'สมาคมประกันวินาศภัยไทย'และ 'คปภ.'ถึงกับออกมาเตือนว่า 'หากมีการทำประกันโควิดแบบไม่สุจริต มีโทษ'ครับ ...คุณอานนท์ วังวสุนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทยบอกว่า การทำประกันคือการป้องกันความเสี่ยง การบริหารความเสี่ยงของตัวเราเอง ไม่ใช่ทำประกันเพื่อการเสี่ยงโชค ดังนั้นถ้าทำประกันโควิดเพื่อเสี่ยงโชค เจตนานำพาตัวเองไปให้ติดเชื้อ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโควิด-19 แล้วจะได้รับเงินจากบริษัทประกัน ถ้าทำแบบนี้ แล้วตรวจสอบพบ มีโทษแน่นอน.... ***ขณะที่คุณสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการทิพยประกันภัยก็พูดเรื่องเดียวกันนี้ครับโดยบอกว่า คนที่ไม่สุจริตจะพุ่งเป้าไปที่การทำประกันโควิด แบบที่คุ้มครองเจอจ่ายจบ.... ...ผมคิดว่า เราอาจบอกว่า ใครจะบ้าอยากติดเชื้อโควิด...แต่ผมคิดว่า มีอยู่จริงครับ...ยิ่งไม่ตายแล้วมีโอกาสรักษาหาย มันก็มีโอกาสที่มีคนคิดแบบนี้...พอแพทย์บอกติดเชื้อก็เข้าข่ายรับเงินความคุ้มครองเจอแล้วจ่ายเลย....เรื่องแบบนี้ในประเทศไทยหรือประเทศไหนๆก็เกิดขึ้นได้ครับ ถ้าคนเราไม่สำนึกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมกัน ***ถามว่า ทำประกันโควิดอย่างไรให้ดูดีและเหมาะสม?...ทุกบริษัทประกันจะบอกเหมือนๆกันว่า 'ตามความเหมาะสมของเราเอง แต่ไม่ควรเกิน2ฉบับ'... ...ใช่ครับ...เฉพาะประกันโควิด1-2ฉบับก็เพียงพอแล้ว ถ้ามากกว่านี้ไม่เหมาะครับ แม้รวยมีตังค์เยอะ ซื้อเท่าไหร่ก็ได้ ก็ไม่ควรทำ... ...สำหรับคนไม่มีตังค์มากมาย ไม่มีประกันใดๆติดตัวอยู่เลย ทำแค่หนึ่งก็โอเคแล้ว เบี้ย99-150บาท/ปี... ***เรื่องประกันโควิด มีทนายบางคนบอกอีกว่า บริษัทประกันคิดเบี้ยแบบมั่วๆทำออกมาขายแบบมั่วๆ แล้วก็ห่วงว่า บริษัทประกันจะโกง...ขอบอกว่า...
บางครั้ง ก็รู้สึกสงสาร'สำนักงานกองทุนประกันวินาศภัย' ...สงสารเพราะต้องรับงานต่อในการจัดการเรื่องเคลมกรณีที่บริษัทประกันล้ม...ด้วยกำลังคนที่น้อย และเงินในกองทุนที่มีไม่เพียงพอ จึงทำให้หนักใจ... แต่เป็นความหนักใจที่อ้าปากบอกใครไม่ได้.... **ด้วยภารกิจที่ยังล้นมาตั้งแต่บริษัทประกันอื่นๆ ที่ล้มไปก่อนหน้านี้ ที่ยังแก้ไม่จบ...บวกกับที่ล้มใหม่ๆ สำนักงานประกันวินาศภัยแทบจะบอกว่า ไม่ไหวแล้ว... ** เอาล่ะ! เรามาดูกันว่า นับจาก บริษัทเอเชียประกันภัย และ บริษัทเดอะวันประกันภัย สังเวยประกันโควิดจนต้องล้มลงนั้น เป็นยังไงกันบ้าง?... *สิ่งที่เกิดตามมาหลังถูก คปภ. สั่งปิดกิจการ ก็คือ เรื่องการจ่ายเคลมประกันโควิดและการเคลมประกันประเภทอื่นๆ จะถูกโอนไปที่สำนักงานกองทุนประกันวินาศภัย ให้รับผิดชอบ ในการจ่ายค่าเคลม...จ่ายหรือดำเนินการแบบไหน? *กรมธรรม์ประกันโควิด : หากยังไม่หมดอายุ จะถูกยกเลิก และคืนเบี้ยประกันตามจำนวนวันคุ้มครองที่เหลืออยู่ หรือในกรณีที่ลูกค้าต้องการมีประกันโควิดต่อไป ลูกค้าจะต้องไปยื่นเรื่องเพื่อไปเปลี่ยนเป็นประกันโควิดแบบโคม่ากับบริษัทประกันอื่นๆที่เข้าร่วมโครงการเยียวยา ตามแนวทางที่ คปภ. กำหนดไว้...ส่วนลูกค้าที่ติดเชื้อโควิด ก่อนวันที่บริษัทถูกสั่งปิดกิจการ ลูกค้าคนนั้นจะต้องไปยื่นเรื่องใหม่กับสำนักงานกองทุนประกันวินาศภัยเพื่อขอรับค่าเคลม...ดูๆ แล้ว กรณีที่ยังไม่ติดเชื้อ ยุ่งยากไหมครับ? ...พอยุ่งยากแบบนี้ ผู้เอาประกันโควิดจำนวนมากที่ยังไม่ได้ติดเชื้อตัดสินใจทิ้งกรมธรรม์โดยไม่ขอรับเบี้ยคืนครับ... เหตุผลเกิดจาก...
ครึ่งปีแรก2565 ของธุรกิจประกันชีวิต เบี้ยสุขภาพนำ ขณะที่ช่องทางตัวแทนและดิจิตัลโตเป็นบวก นอกนั้นติดลบ ...*** ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตในช่วงครึ่งแรกปี 2565 ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 289,097 ล้านบาท เติบโตลดลงร้อยละ 1.94 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2564 โดยจำแนกเป็น เบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ 79,685 ล้านบาท อัตราการเติบโตลดลงร้อยละ 4.75 และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป 209,412 ล้านบาท อัตราการเติบโตลดลงร้อยละ 0.82 โดยมีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ร้อยละ 82 ...มองมาที่เบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ ประกอบด้วย 1.) เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 49,331 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.79 2.) เบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียว 30,354...
.... จากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้ชีวิตประจำวันของผู้คนในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศง่ายขึ้น เป็นวิถีแห่งยุคดิจิทัล การเข้าถึงข้อมูล สื่อสังคมออนไลน์ การทำธุรกรรมทางการเงิน การซื้อสินค้าต่าง ๆ ผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากเพียงแค่มีโทรศัพท์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ยิ่งในปีที่ผ่านมาหลังจากสถานการณ์ Covid-19 แพร่ระบาด ประชาชนได้เปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นแบบ New Normal ทำให้การออกมาทำกิจกรรมนอกสถานที่ลดลงแต่เมื่อดูเรื่องการจับจ่ายใช้สอยกลับมีมูลค่าสูงขึ้น .... จากข้อมูล ปี 2565 ประเทศไทยมีประชากรประมาณ 70 ล้านคน มีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย 56.85 ล้านคน คิดเป็น 81.2% มียอดการซื้อขายสินค้าออนไลน์ 682,920 ล้านบาท เติบโตขึ้น 160.22% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (2564) ... นอกจากประโยชน์อันมากมายที่ผู้ใช้ได้รับจากเทคโนโลยีอันทันสมัยก็ยังมีสิ่งที่แฝงมาด้วยภัย ที่อาจคุกคามชีวิตและทำให้สูญเสียทรัพย์สินเงินทองได้ง่ายจากเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน ดังนั้น...

ติดตามเราได้ที่

4,892แฟนคลับชอบ
611ผู้ติดตามติดตาม

E-Magazine

Thailand Insurance News

Thailand Insurance News

พูดคุย และ ดูแลด้วยมิตรภาพ

I will be back soon

Thailand Insurance News
สวัสดีค่ะ 👋
ต้องการสอบถาม ข้อมูลด้านไหนดีคะ
Messenger