คปภ. ติวเข้มเรื่องประกันภัยแก่ SMEs กรุงเก่า หวังช่วยบริหารความเสี่ยง

0
21

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.)                  ร่วมเป็นสักขีพยาน ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่อง การบูรณาการส่งเสริมความรู้และสิทธิประโยชน์     ด้านการประกันภัย ระหว่าง สำนักงาน คปภ. ภาค 2 ภาค 4 และ ภาค 7 สำนักงาน คปภ. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดชัยนาท จังหวัดลพบุรี และจังหวัดสระบุรี และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดชัยนาท จังหวัดลพบุรี และจังหวัดสระบุรี พร้อมเป็นประธานเปิดการเสวนาเรื่อง “คปภ. ห่วงใย สร้างเกราะประกันภัยให้ SMEs” ณ โรงแรมคลาสสิค คามิโอ อยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา         เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ และสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยเชิงรุกให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ หรือ SMEs ใช้เป็นข้อมูลในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงของธุรกิจของตนเองหรือบุคคล ซึ่ง SMEs เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่มีความสำคัญในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจสังคมของประเทศ โดยมีนายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์          ผู้ช่วยเลขาธิการ คปภ. สายกฎหมายและคดี นางสาวสุภัทรา ดวงงา เจ้าของร้านชาบูอินดี้ และนายเชิดชัย อนุสนธิ์พัฒน์ เจ้าของห้างทองเยาวราชอยุธยา (1999) ร่วมเสวนา และมีนางสาวณิชชา ฉัตรไชยเดช เป็นพิธีกร

การจัดงานในครั้งนี้ มีผู้ประกอบการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมงาน จำนวน 100 คน โดยได้รับเกียรติจากนายพรพจน์ บัณฑิตยานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับและได้กล่าวขอบคุณ สำนักงาน คปภ. ที่เลือกจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นพื้นที่เป้าหมายในการให้ความรู้ด้านการประกันภัยและลงพื้นที่รับฟังข้อมูลจาก SMEs โดยตรง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการนำระบบประกันภัยเข้ามาบริหารจัดการความเสี่ยงภัยให้ SMEs ในพื้นที่ ดังนั้น เวทีการเสวนาในครั้งนี้ จึงมีความสำคัญและมีคุณค่ายิ่ง          ที่เลขาธิการฯ นำทีมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงาน คปภ. ลงพื้นที่ด้วยตัวเอง พร้อมทั้ง ขอให้ SMEs เร่งนำระบบประกันภัยเข้ามาบริหารความเสี่ยงภัย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและเพิ่มความมั่นคงให้กับธุรกิจของตนเองยิ่งขึ้น

เลขาธิการ คปภ. กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดเสวนา  ว่า สำนักงาน คปภ. มีความมุ่งมั่นในการให้ความรู้ด้านการประกันภัยกับ SMEs มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2564 เป็นการลงพื้นที่ครั้งแรก ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่เริ่มคลี่คลาย โดยสำนักงาน คปภ. พร้อมส่งเสริมและขับเคลื่อนให้ภาคธุรกิจประกันภัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการ         ของ SMEs ในรูปแบบของกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs Package ซึ่งเป็นกรมธรรม์ที่รวมความคุ้มครองหลักที่ครบวงจรและหลากหลาย ซึ่งจะช่วย SMEs ลดภาระค่าใช้จ่ายในหลายมิติ อาทิเช่น           การประกันอัคคีภัย ให้ความคุ้มครองแก่ทรัพย์สินเมื่อสถานประกอบการเกิดเหตุเพลิงไหม้ ภัยพิบัติ น้ำท่วม นอกจากค่าใช้จ่าย    ในการซ่อมแซมตัวอาคารและปรับปรุงภายในอาคารแล้ว มีการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก จะให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากกรณีที่ไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ตามระยะเวลาและรายได้ที่ขาดหายไปในระหว่างที่กำลังซ่อมแซม การประกันภัยโจรกรรม           การประกันภัยสำหรับเงินภายในสถานที่เอาประกันภัย การประกันภัยสำหรับกระจก ให้ความคุ้มครองความสูญเสียหรือ          ความเสียหายต่อทรัพย์สินดังกล่าว การประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ให้ความคุ้มครองกรณีที่ผู้ประกอบการ มีความรับผิดต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่บุคคลอื่น และการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ให้ความคุ้มครองความสูญเสียหรือความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัย เนื่องจากอุบัติเหตุ เป็นต้น

กรมธรรม์ดังกล่าวที่ SMEs ทำไว้จะเข้ามาบริหารจัดการความเสี่ยงในจุดนี้ทันที นอกจากนี้ ยังมีกรมธรรม์อีกประเภทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการในยุคปัจจุบันอย่างมาก คือ ประกันภัยไซเบอร์เชิงพาณิชย์ เป็นประกันภัยความเสี่ยงที่ธุรกิจ องค์กร หรือหน่วยงานต่างๆ อาจเกิดความสูญเสียหรือความเสียหายขึ้นจากการถูกโจรกรรม      หรือกรรโชกทรัพย์หรือคุกคามหรือละเมิดด้านความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดในการทำประกันภัย คือ SMEs จะต้องมีความเข้าใจว่าธุรกิจของตนเองมีความเสี่ยงในเรื่องใดบ้าง เพื่อที่จะสามารถเลือกการประกันภัยที่เหมาะสมกับความเสี่ยงภัยที่ธุรกิจของตนที่จะต้องเผชิญ นอกจากนี้ นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่สำนักงาน คปภ. ภาค สำนักงาน คปภ. จังหวัด และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย หลายจังหวัด ทำ MOU เพื่อบูรณการความร่วมมือสร้างวัคซีนให้กับระบบเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ 

ด้วยเหตุนี้ สำนักงาน คปภ. จึงเล็งเห็นความสำคัญในการนำระบบประกันภัยเข้ามาเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการความเสี่ยงภัยต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการประกอบอาชีพและการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ ซึ่งจะช่วยเหลือ SMEs เกษตรกร รวมถึงประชาชนทั่วไป บริหารความเสี่ยงภัยหากเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพและการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการสร้างความรู้และความเข้าใจที่ดีของ SMEs ในมุมมองของการทำประกันภัย เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประกันภัยว่ามีทั้งประเภท  ที่กฎหมายบังคับให้ต้องทำ และประเภทสมัครใจ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้เหมาะสมกับความเสี่ยง รวมถึงความเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขต่าง ๆ ของกรมธรรม์ประกันภัย เพื่อเป็นการยกระดับการประกอบธุรกิจ        ให้มีความมั่นคง ยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งสำนักงาน คปภ. มีความพร้อมที่นำระบบประกันภัยมาสร้างเกราะคุ้มกันให้กับผู้ประกอบการและประชาชน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่