CMO ปรับโครงสร้างสู่ EXPERIENCE-TECH CREATOR

0
255

จากผู้นำธุรกิจอีเว้นท์ แบบอนาล็อค  ซีเอ็มโอ (CMO)  จัดทัพองค์กรใหม่ ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่  มุ่งสู่ดิจิตัล (Web 2.0) และประสบการณ์ในโลก Blockchain และ Metaverse (Web 3.0) ด้วยกลยุทธ์ 5 Elements (5E)  เป็นบริษัทเทคฯ ที่มีอีเว้นท์เป็นคอร์บิซิเนส ต่อยอดด้วยเทคโนโลยีให้บริการครอบคลุมลูกค้าครบวงจร 360 องศา ด้วยงบลงทุน 800 ล้านบาท สำหรับ 2 ธุรกิจใหม่ เทคโนโลยี และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์

นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า CMO มีงานอีเว้นท์ที่เป็นพื้นฐานธุรกิจที่เข้มแข็ง และสามารถปรับตัวได้รวดเร็ว ยังคงมีรายได้หลักหลายร้อยล้านบาท และเคยสูงถึง 1,300ล้านบาทในปี 2562 เป็นองค์กรที่มีฐานธุรกิจที่มั่นคงเมื่อเทียบกับธุรกิจเดียวกันในตลาด   ซึ่งการเข้ามาของผู้บริหารชุดใหม่ที่จะมาเติมเต็มธุรกิจเทคโนโลยีเพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด  โดยตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี จากเดิมที่เป็นผู้นำในโลก 1.0 เน้นธุรกิจอีเว้นท์เป็นหลัก จะขยายไปธุรกิจดิจิตัล (Web 2.0) และประสบการณ์ในโลก Blockchain และ Metaverse (Web 3.0)  ด้วยงบลงทุน 800 ล้านบาท สำหรับ 2 ธุรกิจใหม่ คือ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์และเทคโนโลยี

“ภาพเดิมของ CMO ที่ทำธุรกิจอีเว้นท์แบบอนาล็อก จากนี้จะก้าวสู่บริษัทเทคโนโลยีที่มีรากฐานธุรกิจหรือคอร์บิซิเนสเป็นอีเว้นท์  ซึ่งมีการต่อยอดด้วยเทคโนโลยีให้บริการครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่มแบบครบวงจร 360 องศา  โดยมั่นใจว่าจะสามารถดัน Market Cap  ให้เติบโตได้กว่า  10,000 ล้านบาทในปีนี้ และภายในปี 2566 กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักต่อไป ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 60%” นายกิติศักดิ์ กล่าว

นายอริยะ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  จากเดิมที่ CMO เป็น Event Organizer  ทำธุรกิจแบบ (B2B และ B2C) เป็น Total Solution ประกอบด้วย Creativity และ Technology  วันนี้เราปรับโครงสร้างเพื่อเป็น Experience ในยุคใหม่  อันเป็นที่มาของนิยาม “EXPERIENCE-TECH CREATOR” ภายใต้โครงสร้าง 5E ได้แก่ ธุรกิจหลักเดิม อย่าง EVENT กับ EQUIPMENT ซึ่งเป็นฐานรายได้หลัก และกลุ่มธุรกิจใหม่ ได้แก่ ENTERTAINMENT, END-TO-END 2.0 และ EXPERIENCE 3.0 ซึ่งจะเป็นพลังขับเคลื่อนให้กับ CMO NEW GEN  กลยุทธ์ที่จะนำพา CMO ก้าวไปสู่การทำธุรกิจระดับเอเชีย และระดับโลกต่อไป

EVENT มีแผนเติบโตด้วย Homegrown Experience Brand และจับมือกับพันธมิตรธุรกิจเพื่อสร้างงานระดับ World-class Experience ในประเทศไทย ดึงดูดนักเดินทางจากต่างประเทศ และ Scale Up เพื่อส่งออกแบรนด์ได้ในอนาคต

EQUIPMENT เราจะยกระดับอุปกรณ์แสง เสียง ภาพ ให้ครอบคลุมทุกรูปแบบกิจกรรม ตั้งแต่อีเวนต์ สตูดิโอ และคอนเสิร์ตระดับโลก ด้วยการร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศ

ENTERTAINMENTตั้งเป้าเป็นเบอร์หนึ่งด้าน In-bound Live Entertainment Experience พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ธุรกิจบันเทิงเต็มตัว เพื่อสร้างความบันเทิงเต็มรูปแบบทั้งระดับเอเชียและระดับโลก พร้อมดึงงานระดับ World Festival เข้ามาในประเทศไทย และยังมีแผนสร้าง Original Content ในนาม CM Entertainment

END-TO-END 2.0 เป็นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการตลาดครบวงจรที่เราควบรวมเข้ามาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ได้แก่ Digital Agency, Social Listening, Influencer Platform, Employee Engagement Platform และ CRM

EXPERIENCE 3.0 เป็นกลุ่มธุรกิจดิจิทัลที่ตอบโจทย์ธุรกิจแห่งอนาคต ประกอบด้วย Metaverse Studio ซึ่ง CMO  ได้ร่วมมือกับบริษัท Blockchain ระดับโลก รวมถึงการสร้าง Digital Assets ที่มาเชื่อมโยงกับธุรกิจบันเทิง และ Decentralized commerce เป็นต้น

ทั้งนี้ได้จับมือกับ Strategic Tech Partner 6 ราย เพื่อเป็นกลไกที่สำคัญในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ประกอบด้วย  

Transformational – Digital Transformation

Brand Baker – Digital Agency

Redex – Employee Engagement Platform

Social Listening Partner

Shopgenix – Affiliate Commerce

WeLink – Loyalty Platform

นายชิตพล มั่งพร้อม ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยถึง การทำงานของ 2E  ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ล่าสุด  เพื่อเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีใหม่ในอนาคตดังนี้

End-to-End 2.0 เป็นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการตลาดครบวงจรที่เสริมความแข็งแกร่ง  จากเดิมที่ทำงานออแกไนซ์ให้กับลูกค้า เราเพิ่มเติมความสะดวกสบายด้วยการช่วยลูกค้าคิดรูปแบบ การสร้างประสบการณ์ารูปแบบใหม่ ผ่านการทำงานการตลาดครบวงจร ได้แก่ Digital Agency, Social Listening, Influencer Platform, Employee Engagement Platform และ CRM

Experience 3.0   กลุ่มธุรกิจดิจิทัลที่ตอบโจทย์ธุรกิจแห่งอนาคต เป็นส่วนใหม่ที่สำคัญที่สุด  โดยนำเอาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง Web 3.0 เข้ามาร่วมประกอบกับวงการออแกไนซ์ ซึ่งประกอบด้วย

1) Metaverse Studio  โดย CMO  ร่วมมือกับบริษัท Blockchain ระดับโลก  ในการสร้าง Virtual Drive Experience  โดยให้รางวัลผู้ขับขี่ที่ขับรถดีตามกฎจราจรด้วย Utility Token ของทางซีเอ็มโอ  ซึ่งคนขับสามารถนำไปใช้ได้ในรูปแบบ Drive-to-Earn

2)  Digital Assets ที่มาเชื่อมโยงกับธุรกิจบันเทิง  เช่น NFT  ที่ปัจจุบันผู้สนใจซื้อคือลงทุน  ซึ่ง CMO  จะยกระดับให้ NFT นั้นได้เป็น Utility Token สำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปมากขึ้น พร้อมมอบสิทธิพิเศษ (Priviledge) กับงานอีเวนต์ของ CMO  เช่นสิทธิ์ในการจองตั๋วคอนเสิร์ตก่อน  สิทธิ์เข้างานจับมือดาราศิลปินก่อนใคร เป็นต้น

3) Decentralized commerce  เปิดให้มีการซื้อขายโดยมีคริปโทเคอร์เรนซีเข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น เช่น  ซื้อของแล้วได้รับเงินคืน (Cash Back) ในรูปแบบของคริปโทเคอร์เรนซี โทเค็น ของ CMO เป็นต้น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่